Schlumberger English Course in Sale เรียนภาษาอังกฤษกับวิศวกร – กลับไปอ่านช่วงเวลาที่รีวิวย้อนหลังเอาไว้ เอ๊ะ มันขาดช่วงเด็ดไปช่วงหนึ่ง ก็ขอมาต่อให้สมบูรณ์
เรื่องราวเป็นไงมาไง ทำไมผมต้องมาลงเอยที่เมืองน้อยๆชื่อ Sale เพื่อเรียนภาษาอังกฤษ … ผมไม่ทวนล่ะ ตามอ่านได้ที่
ขั้นตอนการรับสมัคร Wireline field engineer (รุ่นไดโนเสาร์) Schlumberger
… และ
เรื่องเก่าๆ สมัย go inter หนแรกที่ ออสเตรเลีย – Australia trip
ในโพสต์นี้ จะคุยให้ฟังว่าอยู่ที่ Sale 2 เดือน เราทำอะไรกันบ้าง
https://en.wikipedia.org/wiki/Sale,_Victoria
Schlumberger English Course
เริ่มที่เรื่อง เบสิก … accommodation (กิน อยู่ หลับ นอน) ก่อน
กินอยู่ หลับ นอน
บ.ให้พวกเราอยู่กับครอบครัวของคนที่นั่นเลยครับ เรามีมากัน 5 คน มี ผม (ไฟฟ้าลาดกระบัง) วิทย์ (เครื่องกล บางมด) กับ ไกร (ไฟฟ้า จุฬา) เป็นกระเหรี่ยงไทย (วิทย์ ไกร เป็นใคร ไปย้อนอ่านได้จาก 2 ลิงค์ข้างบนครับ)
-------------------------------------------------------
ไม่พลาด ข่าวสาร บทความ ความรู้ ประกาศตำแหน่งงานว่าง และ อื่นๆ
กรอก ชื่อ และ อีเมล์ ในแบบฟอร์มข้างล่าง จะมีอีเมล์กลับมาให้ "ยืนยัน" นะครับ การสมัครจึงจะสมบูรณ์ ... อ้อ ... อย่าลืมดูใน junk, trash, spam box นะครับ บางทีระบบมันเอาอีเมล์ตอบกลับไปไว้ที่นั่น
มีคนอินโดฯอีก 2 พระหน่อ ชื่อ ลารี่ กับ มาร์คัส (ซึ่งยืนยันให้ผมออกเสียเรียกชื่อเขาว่า หมาคัส เพราะตรงกับชื่อในภาษาเขามากกว่า มา-คัส)
ในความคิดผม ผมว่า ภาษาอังกฤษ 2 คนนี้ ดีจะตายไป มาเป็นตัวเปรียบเทียบ(กู)ทำไม ฮ่วย
เอาว่า มี 5 คน ก็ 5 ครอบครัว เราอยู่ไม่ห่างกัน เพราะ Sale เป็นเมื่องเล็กๆ แน่นอนว่า บ.ได้คัดเลือก สัมภาษณ์ และ จ่ายค่าใช้จ่ายในการดูแลกระเหรี่ยงให้แต่ล่ะครอบครัว

ครอบครัวที่ผมอยู่ มี 5 คน พ่อ (จำชื่อไม่ได้ล่ะ) แม่ (ซัลรี่) ลูกสาว ลอร่า 9 ขวบ ลูกชาย 2 คน มัทธิว 7 ขวบ กับ อเล็กซ์ 5 เดือน
ผมได้นอนในห้องนอนเดิมของลอร่า ซึ่งเป็นรถบ้านที่จอดอยู่ในสวนหลังบ้าน ฟินมากครับ เป็นอิสระดี ไม่ยุ่งกับบ้านหลังหลัก ส่วน ลอร่า นัยว่าเป็นสาวแล้ว ก็เลยต้องกลับเข้าไปนอนในห้องใหม่ในบ้าน
มื้อเช้า มื้อเย็น กินกับครอบครัว มื้อเที่ยงซื้อทานเองที่ มอลล์ Mall (ศูนย์การค้าเล็กๆ) บ.มีเงินให้ประจำวัน จำไม่ได้ว่าเท่าไร แต่ก็พอได้กินมื้อเที่ยง และ ซื้อของที่ระลึกอะไรนิดๆหน่อยๆ
ด้วยความที่ผมถูกหมายหัวเอาไว้ว่าถ้า 2 เดือน กลับกทม. ถ้ายัง ฟัง-พูด ไม่ได้ ก็ไม่จ้าง ผมจึงเจียดเงินมื้อเที่ยง ไปซื้อวิทยุเล็กๆมาเครื่องหนึ่ง เปิดฟังทุกวันที่อยู่ในรถบ้าน เอาให้ซึมเข้าหัวจนได้
แน่นอนว่า ผมไม่เอาเทปเพลง หรือ หนังสือ ภาษาไทยติดตัวไปเลย กะว่า บังคับตัวเองสุดๆ จนวันท้ายๆนั่นแหละ ผมฝันเป็นภาษาอังกฤษเลย คือ ในฝันผมพูดภาษาอังกฤษ ตื่นเต้นมาก ตกใจมาก เล่าให้ ซัลลี่ ฟัง เธอบอกว่า สำเร็จแล้วๆ เชียร์ๆ (ไชโยๆ นั่นแหละ)
พวกเราก็ได้ฝึกภาษา ทักษะสังคม เรียนรู้ค่านิยม ซึมซับแนวคิดของคนตะวันตก จากครอบครัวทุกวัน
เสาร์อาทิตย์ เราก็ใช้เวลาทำกิจกรรมกับครอบครัว ไปไหนไปกัน ส่วนมากครอบครัวซัลลี่ จะไปสวนสาธารณะ ทั้งใกล้ และ ไกล บางครั้ง ก็เอาเต้นท์ไปกางนอนดูดาว ผมได้เห็นดาวกางเขนใต้จริงๆครั้งแรกในชีวิตก็ที่ Sale
ในสวนสาธารณะไกลๆเมือง ฟ้าจะมืด ดาวจะเยอะ และ สวยมาก
มีครั้งหนึง ซัลลี่พาไปเยี่ยมเพื่อนเก่าเป็นวิศวกรไฟฟ้าที่หนีโลกไปสร้างบ้านเองด้วยดินในสวนธาธารณะ(ที่อนุญาติ) หลังคามุงด้วยแผงโซล่าเซลส์ คือ พยายามพึ่งตัวเองให้ได้มากที่สุด … ก็แปลกดี ชอบๆ ผมยังได้คุยเรื่องการติดแผงโซล่าฯบนหลังคาดินด้วย เพราะเป็นวิศวกรไฟฟ้าเหมือนกัน พูดภาษาเดียวกัน
การเดินทางไปที่เรียน
ลารี่ กับ มาร์คัส – ครอบครัวขับไปส่ง ก็ไม่ไกลนะ เห็นว่า 15 นาที ก็ถึง
ส่วน 3 พระหน่อไทย ผู้สอนขับรถเวียนมารับที่บ้านตอนราวๆ 0730 น. – 0745 น.
ครูสอนภาษาชื่อ คาล์ เจงกิ้น เป็น wireline engineer ของ บ. ที่เกษียณไปแล้ว เป็นชาวอังกฤษ แต่มาปักหลักย้ายมาอยู่ที่ Sale

ที่โรงเรียน
Sale เป็น ฐานปฏิบัติการ (location) หนึ่ง ที่สนับสนุนการทำงานนอกชายฝั่งออสเตรเลียตอนใต้ของบ.นี้ ดังนั้น จึงมี สำนักงาน และ workshop ที่นั่น
ห้องเรียนเราก็ คือ ห้องๆหนึ่งใน workshop และ ตัว workshop นั่นแหละ
เนื่องจาก คาล์ เอง ไม่ใช้ ครูสอนภาษาอังกฤษจริงๆ ดังนั้น วิธีสอนจึงนอกทุกตำราการสอนภาษาฯ 555

คาล์ใช้เครื่องมือหยั่งธรณี logging tools ต่างๆนั่นแหละ เป็นเครื่องมือการสอน
คาล์สอนทฤษฎี และ การทำงาน ของเครื่องมือ แต่ล่ะชนิด แบบไม่เน้นวิชาการ แต่เน้น การฟัง พูด ถาม ตอบ
สลับกับให้ใส่ชุดหมี PPE (Personal Protective Equipment) ทรงเครื่องชุดใหญ่ ไปทำงานใน workshop ด้วย เพื่อ ฝึกภาษา คำสั่ง รับคำสั่ง diagram อ่าน instruction manual อะไรพวกนี้
ส่วนตัวงานก็ไม่ใช่งานอะไรมากมาย อารมณ์ ถอดๆออกมาล้างน้ำมันดีเซล ทาจารบี แล้วก็ประกอบเข้าคืน แค่ใช้เป็นสื่อการสอนภาษาเฉยๆ

ตอนแรกผมก็งงๆ เพราะชินกับการสอนภาษาแบบเดิมๆที่กทม.สอนกัน อย่างโรงเรียน พวก AUA, Home of English หรือ อ. สงวน ที่ดังๆตอนนั้น
แต่ลุงคาล์สอนแบบแหวกแนวมาก คือ สอนเหมือนไม่สอน แต่ผมว่านั่นแหละ โคตรเวิร์ค สุดๆเลย ได้ความรู้เรื่อง เครื่องไม้เครื่องมือแถมมาด้วย ทำให้ตอนไป pre-school มีแต้มต่อนิดๆหน่อยๆ
อ้อ … ส่วนที่ผมชอบ และไม่เคยรู้ว่าที่ไหนสอน คือ คาล์ สอนคำสบถ ก่น ด่า แช่งชัก หักกระดูก (swear words) แบบมีระบบ ใน 4 ภาษา คือ อังกฤษ/อเมริกัน ฝรั่งเศษ อาราบิค และ เยอรมัน เพราะ คาล์บอกว่า พวกเราจำเป็นต้องรู้
ที่ว่าเป็นระบบ คือ คาล์ สอนความหมาย ทั้งแบบตรง แบบอ้อม ประวัติที่มานิดหน่อย(ถ้าแกรู้) และ ไล่โทน จากเบาๆ อุทานกับ ผู้หญิง และ เด็กได้ ไปยันจัดแรงจัดหนัก แบบถ้าไม่พร้อมบวก (และมีพวกไปด้วย – ฮา) อย่าพูด อะไรเงี้ย
ส่วนที่ชิว คือ ไม่มีสอบ คาล์บอกว่า กลับไปให้ Recruiter ของใครของมัน ประเมินเอาเอง … คงไม่ต้องบอกว่า ผมผ่าน อิอิ เพราะถ้าไม่ผ่าน ก็คงไม่มานั่งพิพม์เล่าโน้นนี่ให้ฟัง ป่านนี้จะไปทำอะไรอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ หุหุ
ถ้าถามผมว่า ตลอดเวลา 10+ ปี ที่อยู่บ.นี้ ช่วงเวลาไหนที่ผมชอบ และ มีความสุขที่สุด … ก็ 2 เดือน ที่ Sale นี่แหละครับ
🙂
ถ้าจะซื้อของออนไลน์จาก 2 เจ้านี้อยู่แล้ว คลิ๊กลิงค์ หรือ โลโก้ ข้างล่างนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯเล็กๆน้อยๆสมทบทุนจ่ายค่าเช่า host server ขอบคุณครับ
(ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่ใช่ลิงค์ดูดเงินแน่ๆ)
https://raka.is/r/qlzXR |
https://raka.is/r/gP7GV |
https://raka.is/r/qlzXR
https://raka.is/r/gP7GV