จ่อซื้อ เชฟรอนไทย ยกพวง – ก็ตามข่าวน่ะครับ พี่ใหญ่เราออกข่าวข้างเดียว ภาษิตไทยเราเรียกว่า โยนหินถามทาง ยังไม่ได้คุยกัน เชฟรอนก็ยังไม่ได้บอกว่าจะขาย สผ.แค่บอกออกสื่อว่า มีตังค์พอนะ ซื้อได้สบายๆ อารมณ์เสี่ยนิดๆ 🙂
ป้าแม้นเจ้าของแผงเก่ายังไม่ได้ออกปากอะไร ยังไม่ได้เอาป้ายเซ้งแผงมาแขวนเลย แต่ลุงนกแค่บอกไปทั้งตลาดทั้งซอยว่า ลุงนกมีเงินพอเซ้งแผงนี้นะ ถ้าป้าแม้นจะขายบอกนะ มาคุยกัน 555 อารมณ์ประมาณนั้น
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ครับ วงใน(ที่ไม่เกี่ยวกับร้านอาหาร)เราคุยเรื่องนี้กันมานานแล้ว ทำนายข้ามช๊อตไปตั้งแต่ก่อนรู้ผลประมูลด้วยซ้ำว่า ถ้าออกหัวจะไปอย่างไร ถ้าออกก้อยจะไปยังไงกันต่อ
ถ้าผมเป็นเชฟรอน ผมก็ต้องดีดลูกคิดล่ะครับว่าในมหภาพที่ผมมีการลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั่วโลกนั้น อ่าวไทยให้ผลประโยชน์กับบริษัทแม่โดยรวมทุกๆมิติแค่ไหน มีความเสี่ยงแค่ไหน ก็ต้องเอามาจัดลำดับกัน เรื่องเงินๆทองๆล้วนๆ ไม่ต้องดราม่า เป็นใครก็ต้องคิดแบบนี้
วิธีคิดก็อารมณ์ประมาณนี้ อาจจะซับซ้อนกว่านี้ ในเรื่องการคำนวน และ ตัวแบบ (model) แต่หลักการไม่หนีนี้แน่นอน …
ก. ทำต่อไปอีกกี่ปีก็ไม่รู้ล่ะ จนครบอายุสัมปทาน แล้วค่อยคืนแผง ติ๊กๆต๊อกๆ ได้ มูลค่าปัจจุบัน (NPV Net Present Value) ออกมา a1 เหรียญ มีความเสี่ยง r1
ข. เซ้งแผงต่อให้สผ.ปี 2019 นี้เลย ได้เงินแน่ๆ a2 เหรียญ ความเสี่ยงเป็น 0 เพราะได้เงิน a2 เหรียญวันนี้เดี๋ยวนี้ เอาไปลงทุนที่ x ได้ดอกผลอีก y % พอรวม a2 เหรียญ + y% ออกมาได้เป็น NPV a3 เหรียญ โดยความเสี่ยงของการลงทุนที่ y เป็น r2
ก็ต้องมานั่งถกขนหน้าแข้งกันล่ะครับว่า a1 ที่มีความเสี่ยง r1 กับ a3 ที่ความเสี่ยง r2 จะเอาไงกันดี
ทุกบ.ก็มีตัวแบบวิธีตัดสินใจ (Decision Model) แตกต่างกันไป แต่หลักใหญ่ๆก็ไม่ต่างกันคือ เอามาพล๊อตลงในกราฟที่แกนนอนเป็น NPV แกนตั้งเป็นความเสี่ยง (หรือจะสลับแกนกันก็ไม่ผิดกติกา) พล๊อตเทียบกับกลุ่มการลงทุนอื่นๆของเชฟรอนทั่วโลก แล้วกันขีดเส้นฟันโช๊ะลงไปว่า ต่ำกว่าเส้นนี้ไม่เอานะ เลิกๆ ช้อยเก็บฉาก อะไรแบบนี้
-------------------------------------------------------
ไม่พลาด ข่าวสาร บทความ ความรู้ ประกาศตำแหน่งงานว่าง และ อื่นๆ
กรอก ชื่อ และ อีเมล์ ในแบบฟอร์มข้างล่าง จะมีอีเมล์กลับมาให้ "ยืนยัน" นะครับ การสมัครจึงจะสมบูรณ์ ... อ้อ ... อย่าลืมดูใน junk, trash, spam box นะครับ บางทีระบบมันเอาอีเมล์ตอบกลับไปไว้ที่นั่น
ส่วนพี่ใหญ่เราก็ต้องคิดเช่นกันว่า ถ้าจะซื้อตอนนี้ ราคาเท่าไรถึงจะมีกำไร ไม่ใช่ว่าซื้อมาราคาแพงไป เอาเงินให้เชฟรอนไปลงทุนที่อื่นฟรีๆ ส่วนตัวเองก็ต้องมารับภาระการผลิตที่สัญญาไว้กับกรรมการ(รัฐ)แบบหืดขึ้นคอ
บางคน(รวมถึงผมด้วยบอกตรงๆ)กังวลประเด็นเรื่องภาระค่ารื้อถอน หรือ ที่เรียกว่า decommissioning ซึ่งผมได้สะกิดไปแล้วต่างกรรมต่างวาระ
หลักเกณฑ์ในการดำเนินงานรื้อถอนสิ่งติดตั้งในกิจการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม
ไม่ต้องวางหลักประกัน การรื้อถอน … ผ่านร่าง พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม
รื้อถอนแท่นผลิต โอกาส หรือ อุปสรรค Offshore installation decommissioning
การฝังกลบและสละหลุม (Well Plug and Abandon – P&A) เราทำกันอย่างไร
ผมก็หวังใจว่าทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย และ ท่านกรรมการ จะเอาใส่ลงในสมการราคา จะได้ไม่ต้องมาเป็นภาระภาษีลูกหลานเหลนของพวกเรา
เอาล่ะเหม็นขี้ฟันผมเต็มทีแล้วใช่ไหม ไปอ่านข่าวเลยครับ …
——————————–
จ่อซื้อ เชฟรอนไทย ยกพวง
ปตท.สผ. กำ 1.2 แสนล้าน จ่อซื้อ “เชฟรอนไทย” ยกพวง
ที่มา http://www.thansettakij.com/content/396440
ปตท.สผ. เร่งศึกษาประเมินทรัพย์สินเชฟรอน กำเงิน 1.2 แสนล้าน ไล่ซื้อหุ้นยกยวง ทั้งแหล่งเอราวัณที่ยังเหลือสัญญากว่า 3 ปี และหุ้นในอีก 7 แหล่ง รอเพียงมีสัญญาณรุกเจรจาทันที ส่วน “เอราวัณ-บงกช” 10 ปี ใส่เม็ดเงิน 1 ล้านล้าน
การพ่ายแพ้ประมูลแหล่งปิโตรเลียมเอราวัณและบงกชของ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ให้กับกลุ่มบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กำลังเป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่า บริษัท เชฟรอน คอร์ปอเรชั่นฯ ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของสหรัฐอเมริกา มีโอกาสที่จะถอนการลงทุนในแหล่งปิโตรเลียม ต่าง ๆ ที่ยังถือหุ้นอยู่ออกจากประเทศไทย หลังจากเสียแหล่งเอราวัณที่ทำรายได้หลักจากการขายก๊าซธรรมชาติหายไป
ทั้งนี้ เนื่องจากแหล่งปิโตรเลียมที่เหลืออยู่ในมือเชฟรอนตามสัดส่วนถือหุ้นของแหล่งต่าง ๆ ถือว่ามีอยู่ปริมาณที่ไม่มากนัก หรือ มีสัดส่วนการผลิตก๊าซธรรมชาติไม่ถึง 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เมื่อเทียบกับต้นทุนการดำเนินงานและความคุ้มค่าที่จะนำเงินมาลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริษัทแม่มีนโยบายที่จะเลือกพื้นที่การลงทุนในภูมิภาคต่าง ๆ ที่มีศักยภาพดีกว่า
ปตท.สผ. เล็งซื้อเชฟรอน
ดังนั้น แหล่งปิโตรเลียมของเชฟรอนที่เหลืออยู่ในไทย จึงเป็นที่จับจ้องของบริษัทต่าง ๆ ที่จะไปเจรจาขอซื้อหุ้น โดยเฉพาะ ปตท.สผ. เวลานี้ได้มีการศึกษาในรายละเอียดถึงศักยภาพแหล่งปิโตรเลียมต่าง ๆ ของเชฟรอน ที่มีอยู่ 8 แปลง 35 แหล่ง เพื่อประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่มีอยู่ไว้ล่วงหน้า รอเวลาที่เชฟรอนประกาศขาย หรือมีจังหวะที่จะขอเจรจาซื้อหุ้นโดยตรงจากเชฟรอนทั้งหมด
โดยในช่วงเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา กลุ่มเชฟรอนผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งต่าง ๆ ประกอบด้วย แหล่งเอราวัณ ถือหุ้นในสัดส่วน 71.25% ผลิตก๊าซในปริมาณ 1,261 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน, แหล่งไพลิน ถือหุ้นในสัดส่วน 35% ผลิตก๊าซอยู่ที่ 395.7 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน, กลุ่มแหล่งทานตะวันและเบญจมาศ ถือหุ้นในสัดส่วน 51.66% ผลิตก๊าซอยู่ที่ 74.5 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน, แหล่งยูงทอง ถือหุ้นในสัดส่วน 71.25% ผลิตก๊าซอยู่ที่ 3.44 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และแหล่งลันตาและสุรินทร์ ถือหุ้นในสัดส่วน 51% ผลิตก๊าซอยู่ที่ 1.55 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน, แหล่ง G8/50 ถือหุ้นในสัดส่วน 16% ผลิตก๊าซอยู่ที่ 0.75 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
ประเมินสินทรัพย์ 8 แปลง
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปตท.สผ. มีความพร้อมเข้าซื้อกิจการหลายโครงการ และหาก บริษัท เชฟรอนฯ ขายหุ้นในโครงการต่าง ๆ ในไทยทั้งหมด ปตท.สผ. ก็มีความพร้อมที่จะเข้าซื้อเช่นกัน เพราะที่ผ่านมาได้มีการศึกษาประเมินทรัพย์สินของเชฟรอนที่มีอยู่ไปบ้างแล้ว
อย่างไรก็ตาม ปตท.สผ. ยังไม่มีการเจรจากับทางเชฟรอน เนื่องจากอยู่ในระยะเริ่มแรก หลังจากที่เชฟรอนพ่ายแพ้จากการประมูลแหล่งเอราวัณไป และทางกลุ่ม ปตท.สผ. ก็เพิ่งลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิต หรือ พีเอสซี แหล่งเอราวัณกับทางกระทรวงพลังงาน ไปเมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งยังมีเวลาที่จะรอทางเชฟรอนประกาศขายหุ้นที่ถืออยู่ในแหล่งปิโตรเลียมต่าง ๆ ได้
โดยเฉพาะแหล่งเอราวัณที่เชฟรอนถือหุ้นอยู่ 71.25% และยังมีเวลาดำเนินการอีกกว่า 3 ปี ที่จะสิ้นสุดการดำเนินงานในปี 2565 หากเชฟรอนตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดก่อนที่สัญญาจะสิ้นสุด ปตท.สผ. ก็พร้อมที่จะเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวด้วย
“ปตท.สผ. ยังไม่มีการหารือกับทางเชฟรอนเพื่อเข้าซื้อทรัพย์สิน แต่หากเชฟรอนประกาศขาย ทาง ปตท.สผ. ก็มีความพร้อมเข้าซื้อกิจการ หรือ ซื้อหุ้น ในแหล่งปิโตรเลียมที่มีอยู่”
เตรียม 1.2 แสนล้านพร้อมซื้อ
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวว่า ปตท.สผ. มีความพร้อมด้านเงินลงทุน ซึ่งปัจจุบันมีกระแสเงินสดอยู่ราว 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.24 แสนล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) สามารถใช้ลงทุนในการเข้าซื้อกิจการ หรือ โครงการต่าง ๆ ได้ เพราะที่ผ่านมาได้มีการศึกษาการลงทุนไว้หลายโครงการ ทั้งในและต่างประเทศ ถือเป็นกลยุทธ์หรือนโยบายของบริษัทอยู่แล้วที่ต้องการเติบโตในอนาคต
ส่วนการเปลี่ยนผ่านของผู้ดำเนินงานรายเดิมและรายใหม่ของแหล่งเอราวัณนั้น ขณะนี้ ปตท.สผ. ได้ตั้งทีมงานเพื่อปฏิบัติการช่วงเปลี่ยนถ่าย เพื่อเข้าดำเนินโครงการในช่วงเปลี่ยนถ่ายแล้ว ซึ่งจะเสนอแผนดำเนินการในช่วงปีแรกให้กับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติภายใน 45 วัน นับจากวันที่ 25 ก.พ. 2562 ที่ได้ลงนามในสัญญากับกระทรวงพลังงาน
ลงทุนเอราวัณ-บงกช 1 ล้านล้าน
ขณะที่ การดำเนินงานในช่วง 1-3 ปี ก่อนที่สัมปทานแหล่งเอราวัณและบงกชจะหมดอายุในปี 2565-2566 บริษัทได้ศึกษาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งการเข้าพื้นที่ การเจาะหลุมผลิต และการลงทุนแพลตฟอร์มจำนวนเท่าไร ซึ่งจะมีรายละเอียดออกมาอีกครั้ง แต่เบื้องต้น คาดว่าในระยะ 10 ปี ปตท.สผ. จะต้องใช้เงินลงทุนใน 2 แหล่ง อยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น เงินลงทุนในแหล่งเอราวัณ 6-7 แสนล้านบาท และบงกช 3-4 แสนล้านบาท โดยแหล่งเงินลงทุนจะมาจากเงินทุนสำรองและรายได้ของบริษัทที่นำมาหมุนเวียนลงทุน
นอกจากนี้ ราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติในแหล่งเอราวัณและบงกช ที่ราคาก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 116 บาทต่อล้านบีทียู ตํ่ากว่าราคาก๊าซในแหล่งเอราวัณปัจจุบัน ราคา 165 บาทต่อล้านบีทียู และแหล่งบงกช ราคา 214.26 บาทต่อล้านบีทียู ปตท.สผ. คาดว่าจะสามารถลดต้นทุนบริหารจัดการลงได้ 25% แม้ว่าภาพรวมกำไรลดลง แต่ปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น จะทำให้บริษัทสามารถรักษาระดับกำไรไว้ได้
ประกอบกับ ปตท.สผ. อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อหาพันธมิตรรายใหม่เข้าถือหุ้นในแหล่งเอราวัณและบงกชที่ชนะประมูลมาของแหล่งเอราวัณ ที่ ปตท.สผ. ถือหุ้นอยู่ 60% และมูบาดาลา 40% ส่วนบงกช ปตท.สผ. ถือหุ้น 100% ซึ่งส่วนตัวมองว่า การมีพันธมิตรถือหุ้น 3 ราย จะช่วยลดความเสี่ยง โดยเชฟรอนและมิตซุยฯ ก็เป็นบริษัทเป้าหมายเช่นกัน ซึ่งการเชิญชวนผู้ถือหุ้นรายใหม่จะดำเนินการได้ภายหลังจากสัญญาพีเอสซีมีผลแล้ว 1 ปี หรือ ในปี 2566-2567 เป็นต้นไป
แหล่งข่าวจาก บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ทางเชฟรอนฯ ในไทย ยังไม่ได้รับสัญญาณจากบริษัทแม่ ว่า จะให้ดำเนินการกับทรัพย์สินที่มีอยู่อย่างไร เพราะแหล่งเอราวัณเองก็ยังมีเวลาเหลือดำเนินงานอีกกว่า 3 ปี อีกทั้งก่อนหน้านี้ ทางผู้บริหารเชฟรอนก็ยืนยันว่า จะยังมีแผนการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นกับบริษัทแม่ ว่า จะตัดสินใจอย่างไรออกมา
ถ้าจะซื้อของออนไลน์จาก 2 เจ้านี้อยู่แล้ว คลิ๊กลิงค์ หรือ โลโก้ ข้างล่างนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯเล็กๆน้อยๆสมทบทุนจ่ายค่าเช่า host server ขอบคุณครับ
(ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่ใช่ลิงค์ดูดเงินแน่ๆ)
![]() |
![]() |