Questioning Skill ทักษะการตั้งคำถามในการสัมภาษณ์งาน – ปราชญ์ทั้ง ฝั่งตะวันตก และ ตะวันออก ให้ความสำคัญ และ มีความเห็นตรงกันว่า ทักษะในการตั้งคำถาม สำคัญกว่า การหาคำตอบ
สมัยกรีกโบราณ การถ่ายทอดวิชาความรู้ จะทำโดยการ อ่านตำรา ถาม ตอบ ถกเถียง กันในโถงอาคาร (ที่ปัจจุบันเรียกว่า โรงเรียน) ไม่มีโต๊ะ เก้าอี้ กระดานดำ หรือ เครื่องฉายสไลด์
ทุกคนเป็นอาจารย์ของกันและกัน ผลัดกันถาม แสดงความเห็น โดยมีผู้อาวุโสคอยเดินเข้าไปฟังและแนะนำให้ถามและตอบอยู่ในบริบทที่จะศึกษา
ผู้อาวุโสคนนั้น เราเรียกว่า mentor ไม่ใช่ teacher จะเรียกว่า ไม่ใช่ผู้สอน ก็ไม่ผิดนัก เป็นแค่ผู้แนะนำ สติปัญญาความรู้จะเกิดขึ้นจากการที่ผู้เรียนแลกเปลี่ยนกันเอง
ดังนั้น “โถง” หรือ โรงเรียน ที่มีผู้เรียนเยอะๆ จะทำให้การถ่ายทอดความรู้และมุมมองที่หลากหลาย มากกว่าโถงที่มีผู้เรียนไม่กี่คน
ถ้าจะซื้อของใน shopee อยู่แล้ว เข้าทางนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯ ถือว่าช่วยผมจ่ายค่าเช่า host server ไม่ใช่คลิ๊กดูดเงินแน่นอนครับ ไม่ต้องกังวล
ข้อเสียของระบบนี้คือ ไม่มีมาตราฐานองค์ความรู้ แต่ในสมัยนู้น มาตราฐานองค์ความรู้ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นข้อดีมากๆที่ทำให้ศาสตร์ต่างๆค่อนข้างกว้างขวาง (มากกว่าจะลึก)
ดังนั้น คน 2 คน นั่งอยู่นิ่งๆ ไม่พูดไม่จา เราไม่รู้หรอกว่าใครฉลาด ใครโง่ แต่ถ้าเราถามแล้วให้ตอบ ก็พอแยกได้ระดับหนึ่งว่าใครฉลาด ใครโง่
แต่ถ้าเราให้ผลัดกันตั้งคำถาม เพื่อให้ได้คำตอบ (เช่น เล่น 20 คำถาม) เราจะแยกได้ทันทีว่า ใครฉลาด ใครโง่
Questioning Skill
ทักษะการตั้งคำถามในการสัมภาษณ์งาน
-------------------------------------------------------
ไม่พลาด ข่าวสาร บทความ ความรู้ ประกาศตำแหน่งงานว่าง และ อื่นๆ
กรอก ชื่อ และ อีเมล์ ในแบบฟอร์มข้างล่าง จะมีอีเมล์กลับมาให้ "ยืนยัน" นะครับ การสมัครจึงจะสมบูรณ์ ... อ้อ ... อย่าลืมดูใน junk, trash, spam box นะครับ บางทีระบบมันเอาอีเมล์ตอบกลับไปไว้ที่นั่น
ขั้นตอนหนึ่งที่มักอยู่ท้ายๆของการสัมภาษณ์งาน คือ ให้ผู้สมัครถามคณะกรรมการสัมภาษณ์
ผมเป็นคณะกรรมการสัมภาษณ์ในโลกจริง และ ตอบคำถามพวกเราในโลกไซเบอร์มานับไม่ถ้วน วันนี้จะมีบอกว่า คำถามโง่ๆ (หรืออย่างน้อยก็ทำให้โดนมองว่าไม่ฉลาด) นั้น เป็นอย่างไร 555 🙂
“และ” ที่เป็นไปไม่ได้
เอาตัวอย่างง่ายๆ ทำไมสัตว์ที่มี 2 ขา และ เป็นปลา ต้องหายใจ … คุณอาจจะหัวเราะ บ้า เหรอ มีใครตั้งคำถามแบบนี้ ไม่มีสัตว์ที่มี 2 ขา และ เป็นปลา ดังนั้น คำถามที่ “ทำไมต้องหายใจ” จึง ไม่ต้องไปตอบ
คนที่ถามแบบนี้โดยมาก มักเป็นผู้ชาย เพราะชอบคิดแบบแยกส่วน แล้วเอามาเชื่อมถามด้วย “และ” แบบว่า ระแวง กลัวพลาดโน้น พลาดนี่ เลยพยายามสรุปหาลักษณะร่วม แต่ลืมไปว่า โน้น นี่ นั่น นั้น มันไม่มีลักษณะร่วม
เหลือ L สองชุด M 1 ชุด นะคร๊าบ
ฟังดูตลกๆ แต่ … เชื่อหรือไม่ … มีคนถามอะไรทำนองนี้ตอนจบการสัมภาษณ์
“หรือ” ที่ซ้อนกัน
อืม … ยากหน่อย ไม่ค่อยเจอ แต่ก็มีพบบ้าง เอาตัวอย่างง่ายๆ เช่น ทำไม คน หรือ ผู้ชาย ต้องหายใจ คือ มัน ซ้อนกัน แค่ถามว่า ทำไมคนต้องหายใจก็พอแล้ว
คนที่ถามอะไรในหมวดนี้ ส่วนมากนะ จะเป็นผู้หญิง เพราะผู้หญิงมักจะคิดแบบองค์รวม แต่ก็เป็นห่วงหน่วยย่อย โดยลืมไปว่า หน่วยย่อยนั้น มันโดนรวมเข้าไปแล้ว โดยการถามจะเอา “หรือ” มาเชื่อม (แบบไม่รู้ตัว)
คำถามย้อนศร
ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น การเล่น 20 คำถาม ถ้าคำตอบ คือ ม้า
หาบ้านให้น้องหน่อยครับ :)
ขาวจั๊วะ กอดได้ อิงได้ วางประดับได้
ปาหัวคนข้างๆก็ได้ (เวลาใช้ให้ไปล้างจานแล้วไม่ยอมไป)
คนปกติ จะต้องเริ่มไล่ไปก่อน ตั้งแต่ มีชีวิตไหม ถ้าเป็นเป็นสัตว์หรือพืช แล้วค่อยไล่ๆไป จนเจอคำตอบ
บางคนถามย้อนขึ้น เช่น 1. เป็นสัตว์ใช่ไหม พอตอบว่า เป็นสัตว์ 2. ถามว่า เป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต … ขำเนอะ … คนบ้าที่ไหนถามอะไรแบบนี้ คือ ตัวอย่าง ยกให้สุดโต่ง จะได้เห็นภาพ
อยู่ในห้องสัมภาษณ์ผมเจออะไรแบบนี้อยู่บ้าง อาจจะไม่มาก แต่ก็พอเจอ
มีคนประเภทหนึ่ง มาถึงก็ทายเลย หมดโควต้า 20 คำถาม ก็ยังตอบไม่ได้ คนแบบนี้มักชอบซื้อหวย 🙂
ถามข้ามช๊อต
เอาแบบเว่อร์ๆเลย ไปสัมภาษณ์งานระดับล่างสุดขององค์กร แต่ไปถามว่าถ้าได้เป็นซีอีโอแล้ว จะมีโบนัสพิเศษกว่าพนักงานเท่าไร หรือ มีลิฟท์ผู้บริหารไหมที่สนง.ใหญ่
ขำเนอะ แต่เชื่อผม มีครับ
การถามข้ามซ๊อต ไม่ผิดครับ จริงๆถูกด้วย เพราะแสดงวิสัยทรรศ์ ความมุ่งมัน เอาจริง แต่อย่าข้ามเว่อร์ เพราะมันจะแสดงว่า ฝันเฟื่อง
ถามข้ามหมวดไปๆมาๆ
อันนี้ไม่แปลก ไม่ถึงกับโชว์โง่ แต่ทำให้เห็นว่ากระบวนการคิดไม่เป็นระบบ และ ไม่ได้เตรียมตัวมา
เดี๋ยวถามเรื่อง HR เดี๋ยวถามเรื่องเทคนิคงาน เดี๋ยวถามเรื่องอนาคตในสายงาน กระโดดกลับไปกลับมา แทนที่จะจัดให้ดี เอาคำถามกลุ่มเดียวกันมาถามเรียงๆใกล้ๆกัน
ถามโดดไปโดดมาเนี้ย ถ้ามีคณะกรรมการหลายท่านนั่งเป็นแผงอย่างครม. รับผิดชอบต่างหมวด ต่างแผนกกัน ก็ไม่เท่าไร ใครเกี่ยวคำถามไหนก็ตอบไป แต่ถ้าคณะกรรมการคนเดียว หรือ สองคนนี่ สวิทช์สมองกันสนุกเลย อดพาลจะรำคาญไม่ได้
ก็บอกไปแล้ว
กลุ่มนี้แบ่งเป็น 2 แบบ
แบบแรก – ก็บอกไปแล้วในประกาศรับสมัคร เช่น รับ ป.ตรี คะแนนภาษาอังกฤษ toeic ไม่ต่ำ 900 ถ้าผมเป็นผู้สัมภาษณ์ ผมก็จะงงๆว่า ไม่ได้อ่านหรือไง (ว่ะ)
ยกเว้นแต่ถามให้กระจ่าง ขยายความ (clarification) เช่น ระบุว่า finance background แล้วถามว่า กำลังมองหาด้านไหนของการเงินเป็นพิเศษหรือเปล่า แบบนี้ OK
แบบที่สอง – ก่อนเริ่มสัมภาษณ์ โดยมากมักจะมีการแนะนำ บ. หรือ แผนก คร่าวๆในภายใหญ่ แล้วถ้าเราไปถามในสิ่งที่เขาเพิ่งบอกไปเมื่อ ชม. หรือ 2 ชม. ที่แล้ว ก็แปลว่า เราความจำห่วยแตก หรือ ไม่ตั้งใจฟัง ยกเว้นแต่ ถามให้กระจ่าง ขยายความ
ก็น่าจะรู้
แบบว่า มาสมัครตำแหน่งนี้ บ.นี้ แล้ว มาถามว่า บ.นี้ทำอะไร เช่น สมัคร wireline field engineer แล้ว ถามว่า wireline คือ อะไรครับ
สมัยก่อนอาจจะพอให้อภัย เพราะหาข้อมูลยาก แต่สมัยนี้มี google มีเพจ มีเว็บไซด์ มากมาย ให้หาความรู้ได้ด้วยตัวเอง จะถึงขนาดไม่รู้เลยนี่ ไม่น่าให้อภัย
แต่อาจจะทำเจาะลงไปได้ เช่น wireline ที่ว่านี้ เป็น case hole หรือ open hole และ รวมงาน e-line, slick line ด้วยไหม แบบนี้ OK
สรุป …
เตรียมตัว เตรียมคำถามให้ดีๆ จัดระบบ ตรวจสอบว่าเราตกหลุมพลาง 7 ข้อ นี้หรือเปล่า
นอกจากการสอบสัมภาษณ์แล้ว ยังสามารถเอาไปใช้(ไม่ให้พลาด) ในการทำงาน ในการประชุมต่างๆได้อีกด้วย อย่าให้ผู้ร่วมประชุม เอาไปเม้าส์กันในวงกาแฟหลังเลิอกประชุมว่า “มันถามอะไรของมันว่ะ” …
พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร
5 นาทีทอง … จบการสัมภาษณ์อย่างไรให้ประทับใจ และ มีลุ้น
ถ้าจะซื้อของออนไลน์จาก 2 เจ้านี้อยู่แล้ว คลิ๊กลิงค์ หรือ โลโก้ ข้างล่างนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯเล็กๆน้อยๆสมทบทุนจ่ายค่าเช่า host server ขอบคุณครับ
(ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่ใช่ลิงค์ดูดเงินแน่ๆ)
https://raka.is/r/qlzXR | https://raka.is/r/gP7GV |
One comment