ถ้าจะซื้อของออนไลน์จาก 2 เจ้านี้อยู่แล้ว คลิ๊กลิงค์ หรือ โลโก้ ข้างล่างนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯเล็กๆน้อยๆสมทบทุนจ่ายค่าเช่า host server ขอบคุณครับ

(ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่ใช่ลิงค์ดูดเงินแน่ๆ)

https://raka.is/r/qlzXR https://raka.is/r/gP7GV

Poor Boy คืออะไร ทำไมต้องมีเด็กผู้ชายที่ยากจนน่าสงสารอยู่บนแท่นขุดเจาะ

Poor Boy คืออะไร ทำไมต้องมีเด็กผู้ชายที่ยากจนและน่าสงสารอยู่บนแท่นขุดเจาะ – 30 ปีก่อน ตอนผมขึ้นไปบนแท่นขุดเจาะใหม่ๆในฐานะวิศวกร wireline เด็กๆไร้เดียงสา (555) ของบ.service ชุดหมีสีน้ำเงิน ก็โดนรับน้องซะ

เพราะว่าผมมาจากบ.service ที่ให้บริการหยั่งธรณีด้วยสายเคเบิ้ล (wireline logging) จึงไม่ได้เรียนศัพท์แสงของอุปกรณ์บนแท่นเจาะเท่าไรนัก รู้บ้างก็แต่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับงาน wireline logging โดยตรงเท่านั้นแหละ

แท่นขุดเจาะฯนั่นเป็นแท่นนอกชายฝั่งแห่งหนึ่งในมหาสมุทรอินเดีย company man ให้ผมขึ้นไปหา poor boy บนแท่น (rig floor) ผมก็พาซื่อ ขึ้นไปหา ก็ไม่เจอเด็กสักคน 555 ก็มันแปลอย่างนั่นนี่นา

Poor Boy คืออะไร

เวลามีก๊าซที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาที่ก้นหลุม (gas influx) เราจะเรียกมันว่า gas kick เจ้าก๊าซเนี้ย มันละลาย (dissolved) อยู่ในน้ำโคลน โดยเฉพาะถ้าเป็นน้ำโคลนแบบที่เป็นน้ำมัน (Oil Base Mud) ก๊าซมันชอบนัก เข้ากันดี๊ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย

เราก็จะปิดปากหลุม แล้วปั๊ม (circulate) เอาน้ำโคลนที่มีก๊าซอยู่นั้นออกมาก็ผ่านออกทาง choke line ด้านข้างของ BOP ด้วยวิธีต่างๆในการ ควบคุมหลุม หรือ ที่เรียกว่า Well Control

ถ้าจะซื้อของใน shopee อยู่แล้ว เข้าทางนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯ ถือว่าช่วยผมจ่ายค่าเช่า host server ไม่ใช่คลิ๊กดูดเงินแน่นอนครับ ไม่ต้องกังวล

Poor Boy คืออะไร

แล้วเราจะทำไงดีล่ะทีนี้ น้ำโคลนนั่นก็มีก๊าซละลายปนมาด้วย พอมาถึงปากหลุม ความดันรอบข้างมันก็เหลือความดันบรรยากาศ ก๊าซที่ละลายอยู่มันก็ขยายตัว หลุดออกมาจากน้ำโคลน

เราต้องมีอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่แยกเจ้าก๊าซนี้ออกจากน้ำโคลนแล้วเอามันไปปล่อยทิ้งไกลๆแท่นเจาะฯเรา ไม่ก็เอาไปเผาซะ จะได้ไม่เป็นอันตราย

เจ้าอุปกรณ์ที่ว่านี่เราเรียกว่า Mud Gas Separator เราตั้งชื่อเล่นให้มันว่า Poor Boy

-------------------------------------------------------

ไม่พลาด ข่าวสาร บทความ ความรู้ ประกาศตำแหน่งงานว่าง และ อื่นๆ

กรอก ชื่อ และ อีเมล์ ในแบบฟอร์มข้างล่าง จะมีอีเมล์กลับมาให้ "ยืนยัน" นะครับ การสมัครจึงจะสมบูรณ์ ... อ้อ ... อย่าลืมดูใน junk, trash, spam box นะครับ บางทีระบบมันเอาอีเมล์ตอบกลับไปไว้ที่นั่น

จะมีอีเมล์กลับมาให้ "ยืนยัน" นะครับ การสมัครจึงจะสมบูรณ์ … อ้อ … อย่าลืมดูใน junk, trash, spam box นะครับ บางทีระบบมันเอาอีเมล์ตอบกลับไปไว้ที่นั่น แล้วอย่าลืม mark as not junk or spam ด้วยนะครับ เวลาส่งเตือนคราวหน้า จะได้ไปอยู่ใน in box :)

ไม่ต้องถามผมนะครับว่า ใครตั้งให้ ตั้งให้เมื่อไร ทำไมถึงเรียกอย่างนั้น 555 ผมก็ไม่รู้ครับ ในวงการเรา มีชื่อเล่นอุปกรณ์ต่างๆมากมายที่ไม่รู้ที่มาที่ไป 🙂

Mud Gas Separator (Poor Boy Degasser)

ข้อมูลทั้งหมดนี่ ผมเอามาจาก Well Control School (IWCF) ที่ไปร่ำเรียนมา กับเว็บข้างล่างนี้นะครับ แต่ผมไม่เอามาหมดนะ เพราะมันเยอะ และ ยากเกินไป แต่ถ้าใครอยากหาความรู้ต่อเนื่องก็ไปตามลิงค์ได้นะครับ

Mud Gas Separator (Poor Boy Degasser) Plays A Vital Role in Well Control Situation

และ

THE EVALUATION AND SIZING OF MUD/GAS SEPARATOR

ว่ากันต่อ … Mud Gas Separator เนี่ย มีสามประเภทใหญ่ๆ

แบบปิดก้น (Closed bottom)

Poor Boy คืออะไร

พอน้ำโคลนที่มีก๊าซละลายอยู่มาจาก chock line (ทางขวาของรูป) ก็จะตกลงบนแผ่นเหล็กที่ทำให้น้ำโคลนแตกกระจายออก แล้วลงไปกองที่ก้นถัง ก๊าซก็จะกระจายแตกตัวออกจากน้ำโคลน ลอยขึ้นไปที่ท่อทางออกที่อยู่ด้านบน

น้ำโคลนก็จะลงไปอยู่ก้นถัง จนระดับน้ำโคลนขึ้นมาสูงที่จุดที่คำนวนไว้ นั่นก็คือได้ระดับเท่ากับข้องอรูปตัว U นั่นแหละ น้ำโคลนที่ปลอดก๊าซก็จะไหลไปลงถังน้ำโคลนเพื่อการบำบัดปรับสภาพ เอามาใช้ใหม่ต่อไป

สังเกตุระยะที่เขียนว่า mud leg ในรูปไว้นะครับ จะมาคำนวณกันในภายหลัง

จะเห็นว่าก้นถังมันปิด ก็เลยเรียกแบบนี้ว่า แบบปิดก้น 555 🙂 คงเดาต่อไปได้นะครับว่า แบบต่อไปจะชื่อว่าอะไร

หาบ้านให้น้องหน่อยครับ :)

ขาวจั๊วะ กอดได้ อิงได้ วางประดับได้

ปาหัวคนข้างๆก็ได้ (เวลาใช้ให้ไปล้างจานแล้วไม่ยอมไป)

https://raka.is/r/XBBPp

แบบเปิดก้น (Open Bottom)

Poor Boy คืออะไร

สังเกตุระยะที่เขียนว่า mud leg ในรูปไว้นะครับ จะมาคำนวณกันในภายหลัง

ฮ่าๆ แบบนี้ ไม่มีก้นเลยครับ เอาทั้งถังไปครอบไว้ในบ่อน้ำโคลนซะงั้น ระดับน้ำโคลนที่จะไหลออกไปบ่อบำบัดก็ขึ้นกับว่า ถังนั้นจมอยู่ในบ่อฯลึกแค่ไหน

แบบลูกลอย (Float type)

Poor Boy คืออะไร

สังเกตุระยะที่เขียนว่า mud leg ในรูปไว้นะครับ จะมาคำนวณกันในภายหลัง

แบบนี้วุ่นวายหน่อย มีลูกลอย เหมือนส้วมชักโครก หรือ ถังน้ำดาดฟ้าคอนโดฯ เดี๊ยะเลย พอลูกลอยเด้งได้ระดับ วาวล์ก็เปิด น้ำโคลนก็ไหลลงบ่อบำบัด พอลูกลอยห้อยตกลง วาว์ลก็ปิด รอระดับน้ำโคลนขึ้นใหม่ วนไปเรื่อยๆ

ข้อสังเกตุ

แบบลูกลอยนั่นมีข้อเสียคือ มีส่วนเคลื่อนไหว (moving part) อะไรที่มันเคลื่อนไหว มันก็มีปัญหาทางกล ทั้งนั้นแหละ คิดถึงระบบลูกลอย ส้วมชักโครก กับ ถังน้ำดาดฟ้า ปัญหาอย่างเดียวกันเดี๊ยะ ไม่ต้องสาธยายก็แล้วกัน ดีอย่างเดียวที่ปรับระยะ Mud leg ได้สะดวก แค่ปรับระยะลูกลอยธรรมดาๆ

ส่วนแบบเปิดก้นนั่น ข้อจำกัดมันอยู่ที่จะปรับระยะ Mud leg ทีก็ยุ่งอ่ะ ต้องยกทั้งถังขึ้นๆลงๆ แถมยังปรับได้ต่ำสุดก็เท่ากับความลึกของบ่อน้ำโคลน และยกขึ้นให้สูงสุดก็ได้แค่ระยะเพดานห้อง

ที่นิยมกันก็คือแบบปิดก้น ปลอดภัยดี ไม่มีกลไก แต่ข้อเสียมันก็มีคือ ปรับระยะ Mud leg ได้ลำบาก ต้องตัดท่อ เชื่อมท่อ กันใหม่ ทำนองนั้น

แล้วทำไมต้องปรับระยะ Mud leg …

Mud leg

มโนกันนิดนุงนะครับ ถ้าความดันในถังส่วนที่อยู่เหนือระดับน้ำโคลนมากๆ จะเกิดอะไรขึ้น

อย่างแรกเลย ระดับน้ำโคลนจะลดลงๆ ระยะ mud leg จะหดสั้นลงๆ จริงไหมครับ พอระยะ mud leg เป็น 0 จะเกิดอะไรขึ้น หุหุ ก๊าซก็จะทะลักผ่านออกทางท่อน้ำโคลน ไปถังบำบัดน้ำโคลน กระจายฟุ้งไปทั่วแท่นเลยทีนี้

บรรลัยจักรล่ะโยม อาตมาขอแผ่นก่อนล่ะจังหวะนี้

อาการแบบนี้ ศัพท์แสงของเราเรียกว่า “Blow Trough”

แสดงว่า ความดันของก๊าซที่อยู่เหนือน้ำโคลนในถังต้อง “สู้” แรงดันเนื่องจากน้ำหนักของน้ำโคลนที่มีความสูง (head) เท่ากับ Mud leg ใช่ป่ะ

Poor Boy คืออะไร

Poor Boy คืออะไร

ผมชอบรูปนี้ ดูชัดกว่าเยอะเลย งั้นเราก็คำนวนได้ซิว่า ความดันที่ก๊าซในถังจะเอาชนะความดันของ mud leg มีค่าเท่าไร ก็สูตรหากินเราไงครับ

ความดัน (psi) = ความหนาแน่นน้ำโคลน(SG) x ความสูงในแนวดิ่ง (m)

ความสูงในแนวดิ่ง (m) ในที่นี้ก็คือ mud leg นั่นเอง

มาออกแบบ MGS (Mud Gas Separator) อย่างง่ายๆกัน

ที่ผมต้องต่อท้ายว่า “แบบง่ายๆ” นั้นก็เพราะว่า ผมละสมมุติฐานไปบางข้อ ที่ไม่สำคัญ เน้นเอาหลักๆการของมันก็พอ

เรารู้ความดันที่จะเอาชนะ Mud leg ไปแล้วใช่ป่ะ แล้วความดันที่ถังนั่นมันมาจากไหนล่ะ

ก๊าซที่ละลายออกจากน้ำโคลนมันต้องลอยไปที่ทางออกข้างบน (vent line) นั่นใช่ป่ะ อะ ฮ่า ใครเซียนฟิสิส์ยกมือขึ้น ร้องอ๋อ เลยซิครับ

ของไหล ไหลออกทางท่อ มันต้องมีความดันผลักมันเข้าไปในท่อ จริงไหม ปลายด้านหนึ่งเป็นความดัน (พลังงาน) ที่ผลักก๊าซ(ที่ละลายออกจากน้ำโคลน)เข้าท่อ สมมติว่าปลายอีกข้าง เปิดโล่งโจ้ง เป็นความดัยบรรยากาศ (0 psi) ท่อเป็นทรงกระบอก เส้นผ่าศูนย์กลางภายใน D และ ยาว L

เรารู้นี่ว่าเวลาเราจะเอาก๊าซออกมาจากน้ำโคลน เรารู้ว่าอัตราการไหล Q (อัตราที่ก๊าซแยกตัวออกจากน้ำโคลน) เป็นเท่าไร หุหุ แป๊ะไว้ก่อน มันคำนวนได้ วันหลังจะมาบอก เอาว่า ค่านี้รู้ก็แล้วกัน

นิมนต์ปู่ Darcy มาเลยครับ สมมุติว่าก๊าซใน vent line ไหลแบบ laminar นะครับ (เอาง่ายไว้ก่อน ฮ่าๆ)

https://en.wikipedia.org/wiki/Darcy%E2%80%93Weisbach_equation

Poor Boy คืออะไร

อย่าเพิ่งร้องจ๊าก ชีวิตจริงเราเปิดแคตาล๊อกเอาครับ 555 แต่อย่างที่ผมเน้น เราต้องรู้ที่มาที่ไป อย่าให้คนขายมาแหกเนตรเราได้

Delta P ก็คือ P นั่นแหละ เพราะปลายท่ออีกข้างมันโล่งโจ้งเป็นความดันบรรยากาศซึ่งเท่ากับ 0 (ยกเว้นปลายอีกข้างเป็น burner หรือ flare boom ก็จะมีความดันที่เรียกว่า back pressure ให้เอามาลบกับความดันในถัง ออกมาเป็น delta P)

L Q D ก็รู้หมด สัญลักษณ์มิวนั่นก็ความหนืด (viscosity) ของก๊าซ เปิดตำราเอา สมมติเป็นก๊าซแห้งก็ได้ (dry gas)

เราก็เอาสมการ

ความดัน (psi) = ความหนาแน่นน้ำโคลน(SG) x mud leg (m)

มาเท่ากับสมการ Darcy เราก็จะหาความสัมพันธ์ของตัวแปรทั้งหมดได้ทันที

เช่น …

เรารู้ว่าเราจะปั๊ม (circulate) เอาก๊าซออกด้วยอัตรา Q เท่าไร น้ำโคลนที่ใช้หนาแน่นเท่าไร เราก็จะหา D, L และ Mud leg ได้ นั่นก็คือ dimension (ขนาด) ของ Poor Boy นั่นเอง

นั่นก็พูดถึงว่าถ้าเราจะผลิต Poor Boy ออกมาขาย

แต่กลับกันล่ะ เราเช่าแท่นเจาะฯมาแล้ว Poor Boy มันก็มากับแท่นเจาะ เหมือนเราไปเช่ารถมาคันนึง ยี่ห้อ ขนาด ชนิด ของยางล้อก็มากับรถ จะไปเปลี่ยน ก็ไม่ได้ เราก็ต้องปรับการใช้งานของรถไม่ให้เกิดความสามารถของยางล้อที่มากับรถ

Poor Boy ที่มากับแท่นเจาะ ก็เช่นกัน D, L และ Mud leg มันคงที่ เปลี่ยนไม่ได้ ติดตั้งมากับแท่นเจาะแล้ว

เราก็ต้องมาปรับจูนอัตราการปั๊ม (circulate) ของเรา ไม่ให้ได้ค่า Q ที่ Poor Boy นั้นออกแบบมา

อย่างที่บอก ชีวิตจริง เราไม่ต้องคำนวน มีกราฟ มีแคตาล๊อกให้เปิด แต่ๆ ที่ต้องรู้เบื้องหลังการถ่ายทำ ก็เพราะเราจะได้มีสามัญสำนึกทางวิศวกรรมได้ว่า ที่เราเปิดตาราง ลากเส้นกราฟ หรือ ดูแคตาล๊อกนั้น ผลมันออกมาสมเหตุสมผลทางฟิสิกส์ไหม ตรงนี้ล่ะที่จะบอกว่า ใครมีความเป็นวิศวกรมากกว่ากัน

ไม่ใช่อุตส่าห์เรียนมาแทบเป็นแทบตายแล้วมาเป็น Catalog Engineer ให้ Salesman ดูถูกเอา หรือ ถ้าจะเป็น Sales Engineer ก็เป็น Sales Engineer ที่มีคุณภาพและซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ Engineer ขายด้วย คุณภาพ หลักการทางวิศวกรรม และ รับผิดชอบต่อสินค้าที่แนะนำให้ลูกค้า

(ด้วยความเคารพ salesman ครับ ผมไม่ได้ดูถูกอาชีพ salesman เพราะ 10+ ปี ในอาชีพนี้ ผมก็เป็น salesman เช่นกัน ดังนั้นผมรู้หัวอกดีทั้งวิศวกรผู้ขายและวิศวกรผู้ซื้อ)

เอาล่ะครับ รู้จัก Poor Boy กันไปแล้วนะครับ อยากรู้จักอุปกรณ์อะไรบนแท่นขุดเจาะอีกก็ถามมาได้นะครับ ทั้งทางอีเมล์ nongferndaddy@hotmail.com และ ทางเพจ FB

*recta sapere

ทำไมผู้หญิงถึงไปปฏิบัติธรรมมากกว่าผู้ชาย ?

ผมไปปฏิบัติธรรม(วิปัสนา)มา 4 ครั้ง ทุกครั้งผมสังเกตุว่ามีจำนวนผู้หญิงไปปฏิบัติธรรมมากกว่าผู้ชายในอัตรส่วนประมาณ 3:1 นั่นคือ เดินมา 4 คน เป็นผู้หญิง 3 ผู้ชาย 1 คน

ถ้าเชื่อในแนวคิดที่ว่า “ไม่เห็นทุกข์ไม่เห็นธรรม” และ ตอบกันแบบกำปั้นทุบดิน ก็คงต้องบอกว่าผู้หญิงมีความทุกข์มากกว่าผู้ชาย คำถามต่อมาที่ผมถามตัวเองก็คือ ทำไมผู้หญิงถึงมีความทุกข์มากกว่าผู้ชาย ?

ผมเชื่อว่ามีหลายคำตอบสำหรับคำถามนี้ วันนี้ผมขอนำเสนอสมมติฐานหนึ่งครับ (ไม่ใช่คำตอบนะครับ เพียงแค่สมมติฐาน)

พวกเราคงเข้าใจหลักเบื้องต้นของขบวนการเกิดของทุกข์มาบ้างแล้วนะครับ ผมขอย่อแบบสุดๆก็แล้วกัน เพราะสมมติฐานผมวางอยู่บนขบวนการเกิดทุกข์

เมื่อมีวิญญาณ (สิ่งตกกระทบ) มากระทบอายตนะ (ทวาร) ทั้ง 6 (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) ประหนึ่ง มี signal มากระทบ sensor ในภาษาวิทยาศาสตร์น่ะครับ

สัญญา (Cognitive หรือ data bank + ประสบการณ์ทั้งชาตินี้และชาติที่แล้ว) ก็ทำงาน ตีความว่ามันคืออะไร เสียงคน หมาเห่า รูปต้นไม้ ฯลฯ

เกิดเวทนา (ความรู้สึก) ร้อน หนาว คัน สีแดง เหลือง บลาๆ

สังขาร ก็ปรุงแต่งขึ้นมาว่า ชอบ อยากเอาอีกๆ (แบบไม่อยากให้คอนเสิร์ตที่ชอบจบ) กับ ไม่ชอบๆ ไปให้ไกลๆ

นั่นแหละทุกข์มันเกิดขึ้นตรง (กู)จะเอาอีกๆ กับ ไม่เอาแล้วไปให้ไกลๆ(กู)

ผู้หญิงเนี้ย อายตนะเธอแรงส์ครับ ความไว และ ความละเอียดสูงมาก เปรียบเป็น sensor ก็เป็นอะไรที่ high sensitivity high resolution ไม่ว่าจะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย(ผิวหนัง) ใจ(มโน) เธอไวและละเอียดมาก (ผมคงไม่ต้องยกตัวอย่างประกอบนะ อิอิ)

ดังนั้น input ที่เข้ามาทางทวารทั้ง 6 ในปริมาณที่เท่าๆกัน ผู้หญิงจะรับรู้ได้ดีกว่าผู้ชายเยอะมากๆ ดังนั้น พอส่งต่อให้สัญญา (Cognitive หรือ data bank + ประสบการณ์ทั้งชาตินี้และชาติที่แล้ว) ตีความต่อก็ “เยอะ” ล่ะทีนี้ ไม้ต่อไปก็เกิดเวทนา (ความรู้สึก) ขึ้นมากกว่า หลากหลายกว่า

ไม้สุดท้ายคือ สังขาร ส่วนปรุงรส เอ๊ย ปรุงแต่งก็จะ บันเทิง หรือ เศร้าสร้อย มากกว่า

เช่น คำว่า “อ๋อ เหรอ” ผู้ชายได้ยิน ก็คงไม่ได้ตีความอะไรมาก สัญญาก็แปลว่า โอเค เขารับทราบแล้ว

แต่ผู้หญิงอาจจะจับความถี่ของเสียง โทนเสียง ความดัง จังหวะ หรือ แม้กระทั่ง เสียงที่มาก่อนหน้า และ เสียงที่ตามหลังมา แล้วสัญญาเธอก็ตีความออกมาว่าเป็นการ ประชด เยาะเย้ย ยินดี ชื่นชม ฯลฯ มากกว่าแค่ รับรู้ข่าวสารอย่างที่สัญญาของผู้ชายที่ตีความคำพูดเดียวกัน เป็นต้น

ส่วนที่ว่า ทำไมธรรมชาติถึงสร้างให้ sensor ผู้หญิง มีความไว และ ความละเอียดสูงกว่าผู้ชายนั้น เข้าใจว่าเป็นเรื่องของวิวัฒนาการของมนุษย์ ที่เราแบ่งหน้าที่กันทำ ความไว และ ความละเอียด ของ sensor ของเราจึงแตกต่าไปตามหน้าที่ที่เราทำ เช่น ผู้ชายล่าสัตว์ในทุ่งหญ้า ผู้หญิงดูแลลูกในถ้ำ บลาๆ ไปหาอ่านต่อเอาเอง … 🙂

เอวัง … 🙂

ถ้าจะซื้อของออนไลน์จาก 2 เจ้านี้อยู่แล้ว คลิ๊กลิงค์ หรือ โลโก้ ข้างล่างนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯเล็กๆน้อยๆสมทบทุนจ่ายค่าเช่า host server ขอบคุณครับ

(ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่ใช่ลิงค์ดูดเงินแน่ๆ)

https://raka.is/r/qlzXR https://raka.is/r/gP7GV

--- มีคำถามเพิ่มเติม พูดคุย เม้าส์มอย ไปต่อกันได้ที่กระดานสนทนา (webboard) นะครับ

คลิ๊กเลย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

The Sweet Girl

ของมือสองของเฟิร์นค่ะ มีหลายชิ้นเลย ราคาดีสุดๆ (คลิ๊กที่รูปนะคะ ลิงค์จะพาไปที่ร้านค่ะ)

Fern shop

--------- คลิ๊ก - The Sweet Girl ----------