History of Oil Well Perforation ประวัติศาสตร์การเจาะท่อกรุ

• Facebook
• Twitter
• Line

History of Oil Well Perforation เรามาถึงวันนี้ได้อย่างไร – วันนี้เราจะมาเรียนประวัติศาสตร์กันครับ ประวัติศาสตร์ของความพยายามเจาะท่อกรุเพื่อผลิตไฮโครคาร์บอน

ทำไมเราต้องเจาะท่อกรุ เอ้า … ถ้าไม่เจาะท่อกรุแล้วปิโตรเลียมมันจะไหลเข้ามาในหลุมได้ไง

อ้าว … ทำไมต้องมีท่อกรุ ถามแปลกๆ ถ้าไม่มีท่อกรุ ชั้นหินมันก็ถล่มลงมากลบหลุมที่อุตสาห์ขุด (ซิว่ะ) เออ … แล้วแมวตัวไหนมันคิดได้ว่ะว่าต้องมีท่อกรุมีซีเมนต์อยู่ในหลุม

แมวตัวนั้นชื่อ Erle Halliburton ครับ (ไม่ต้องสงสัยครับ คุณปู่คนนี้แหละครับ เป็นผู้ก่อตั้งบ.นี้) คุณปู่เป็นคนคิดวิธีเอาซีเมนต์ลงไปกั้นท่อกรุเอาไว้จากชั้นหิน บลาๆ อะไรก็ว่าไป

ก็ฟังดูดีไม่มีปัญหา แต่ในมุมของการผลิตปิโตรเลียม ท่อกรุกับซีเมนต์นี่แหละ มันก่อปัญหาเบสิกโคตรๆขึ้นมาอย่างหนึ่ง คือ มันกั้นไม่ให้ปิโตรเลียมไหลเข้ามาในหลุม ไม่มีก็ไม่ได้ใช่ป่ะ

วิธีแก้ปัญหาล่ะ ทำไงดี ก็ต้องเจาะรู (perforate) มันใช่ป่ะ เจาะมันทั้งท่อกรุ ทั้งซีเมนต์ (ตอบกำปั้นทุบดินเลยเนอะ)

เช่นเคยครับ ก่อนจะอ่านต่อไปนี้ก็ต้องมีพื้นฐานมาก่อนว่า เรากำลังพูดถึงอะไร มี 2 บทความที่แนะนำให้อ่านก่อนนะครับ

การระเบิดเจาะผนังหลุม (Well Perforation)

https://nongferndaddy.com/perforation/

Perforation – How to make hole in casing (เราเจาะรูท่อกรุได้อย่างไร)

https://nongferndaddy.com/perforation-2/

เอาล่ะ อ่านแล้วนะ ไปต่อกันๆ

History of Oil Well Perforation

ที่มา – https://aoghs.org/technology/downhole-bazooka/

จริงๆแล้ว ท่อกรุในหลุมน้ำมันในอเมริกาเหนือมีมานานแล้ว แต่ยังไม่มีซีเมนต์มาเสริม เพราะคงไม่รู้ว่าจะหยอดซีเมนต์ลงไปในช่องว่างรูปวงแหวนระหว่างท่อกรุกับชั้นหิน (annulas) อย่างไร คุณปู่ Erle Halliburton เป็นคนมาคิดวิธีเอาซีเมนต์ไปใส่ไว้ตรงนั้น ซึ่งวิธีของคุณปู่เราก็ใช้มาจนทุกวันนี้แหละ

เทคนิคการปั๊มซีเมนต์ ให้ไปอยู่หลังท่อกรุ เราทำกันอย่างไร

Invention (Patent No. 702,128)

เอ้า นอกเรื่อง … 555 … เท่าที่คุ้ยมาได้จากสำนักงานสิทธิบัตรของอเมริกา วิธีแรกที่ใช้นั้น จดทะเบียนไว้ในปี 1902 (ว้าว … ใครเกิดแล้วบ้าง)

ดูๆรูปแล้วก็งงๆ ดูๆไปเหมือนแม่แรงตัวเล็กๆ หมุนด้วยเกลียวอะไรสักอย่าง กดเข้าไปให้ทะลุท่อกรุ ซีเมนต์ ชั้นหิน แล้ว หมุนเกลียวกลับ แม่แรงก็หด ดึงเอาชุดที่กดเข้าไปนั้น กลับเข้ามา (เดาล้วนๆ)

The burning of a separate charge of powder

ต้นๆค.ศ. 1930 Ira J. McCullough คิดวิธีใหม่ขึ้นมา ใช้วิธียิงกระสุนเหล็ก ด้วย “the burning of a separate charge of powder” ให้กระสุนเหล็ก ทะลุท่อกรุ และ ซีเมนต์ เข้าไปในชั้นหิน

เท่าที่อ่านจากบทความ เข้าใจว่า เครื่องมือของปู่ Ira J. McCullough นี่ ไม่ได้หย่อน ลงหลุม เหมือน gun สมัยนี้ แต่ติดตั้งลงไปพร้อมกับท่อกรุเลย ส่วนวิธี “the burning of a separate charge of powder” ที่ว่านี้ ก็ไม่ได้ใช้ไฟฟ้า ไม่รู้ปู่ใช้วิธีอะไร

The First Perforating Guns

เซลส์แมนสองคน ชื่อ Bill Lane กับ Walt Wells คิดว่า น่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้นะ ก็เลยประดิษฐ์อุปกรณ์หนึ่งขึ้นมา รูปร่างหน้าตาเหมือน gun สมัยนี้แหละ

หย่อนลงหลุมด้วยสายเคเบิ้ล แล้วใช้ดินปืน (explosive) ยิงลูกกระสุนเหล็ก ให้ทะลุท่อกรุ ซีเมนต์ เข้าไปในชั้นหิน

อารมณ์เหมือนเอาปืนลำกล้องสั้นๆหลายๆกระบอกติดกับท่อ (gun) หันปากกระบอกไปรอบๆ แล้วแทนที่จะใช้นกสับแบบปืนพกก็ใช้ไฟฟ้าจุดระเบิดแทน

แน่นอนว่า สองคนนี่ตั้งบ.ขึ้นมารับจ้างเจาะ โกยเงินกันเป็นมหาเศรษฐีกันในเวลาไม่นานนัก

จากอาวุธทหารมาสู่หลุมน้ำมัน

(Bazooka Technology)

ในเวลาใกล้ๆกันนั้น เป็นสงครามโลกครั้งแรก (ที่อเมริกาไม่ได้ยุ่งอะไรด้วย) เยอรมันประดิษฐ์รถถังขึ้นมา อังกฤษกับฝรั่งเศษก็ดิ้นรนที่จะหาอะไรมาสู้กับรถถัง

ทหารผ่านศึกและวิศวกรเคมีชาวสวิสฯ ชื่อ Henry Mohaupt เอางานวิจัยชิ้นหนึ่งมาอเมริกา กรมสรรพาวุธกองทัพบกอเมริกาแต่งตั้งให้ Henry Mohaupt เป็นหัวหน้าโครงการอาวุธลับต่อต้านรถถัง

ไอเดียของ Henry Mohaupt ก็คือ เอาผงระเบิดมาทำให้เป็นทรงกระบอกรูปกรวย เพื่อที่ให้พลาสมาที่ระเบิดรวมศูนย์กันแล้วพุ่งไปข้างหน้า (ก็หลักการ shape charge ที่เราเอามาใช้ทุกวันนี้แหละครับ)

หน้าตา shape charge รุ่นแรกๆก็ประมาณนี้อ่ะครับ

ซึ่งเอาไปใช้กับเครื่องยิงจรวดรุ่น M1A1 ของกองทัพบกอเมริกา (ตัวเครื่องยิงมีอยู่แล้วในสมัยนั้น แค่เอา shape charge ไปติดที่หัวจรวด) เครื่องยิงจรวดรุ่น M1A1 มีชื่อเล่นว่า บาซูก้า (Bazooka) หน้าตาก็ประมาณนี้ครับ

(ไม่น่าเชื่อว่า ภายหลังชื่อนี้กลายมาเป็นชื่อ วงดนตรี เพลง ค๊อกเทล ยี่ห้อเสื้อผ้า เมนูอาหาร และ อื่นๆอีกมากมาย)

พอสงครามจบลง Well Explosives Company (ตั้งอยู่ที่ Fort Worth, Texas) ก็จ้าง Henry Mohaupt มาทำงานด้วย

ในปี 1951 Henry Mohaupt จดสิทธิบัตร “Shaped Charge Assembly and Gun” เปิดศักราชของการเจาะท่อกรุหลุมน้ำมันยุคปัจจุบันด้วยการเอาเทคโนโลยีเครื่องยิงระเบิดบาซูก้ามาใช้กับอุตสาหกรรมน้ำมัน

ในปี 1948 Well Explosives Company เปลี่ยนชื่อมาเป็น Welex Jet Services เพื่อหลีกเลี่ยงคำว่า Explosive แล้วทำมาหากินกับสิทธิบัตรนี้ต่อไป

เจ้าพ่อ DuPont ก็จดลิขสิทธิ์คำว่า Shaped charges (จดลิขสิทธิ์ชื่อสามัญ ไม่รู้ทำได้ไงนะ ผมก็ไม่ใช่นักกฏหมาย)

เอาล่ะจบกันตรงนี้ดีกว่า ที่เหลือก็เป็นอะไรที่เราทราบๆกันดีอยู่แล้วนิ จริงๆมีข้อมูลมากกว่านี้นะครับ ผมย่อๆมาให้เท่านั้น ใครอยากอ่านเวอร์ชั่นเต็มก็ตามลิงค์ที่ให้ไว้ตอนต้นเลยครับ

---

*recta sapere

เหตุผลที่ผมได้รับเมื่อชวนไปปฏิบัติวิปัสนา

อย่างที่ทราบว่าผมไปวิปัสนามา 4 ครั้งแล้ว และ คิดว่า เออ มันก็ดีนะ เป็นวิทยาศาสตร์ มีเหตุมีผลในตัวของมันเอง และ ได้ประสบการณ์ตรงที่ดี ยืนยันได้จะประสบการณ์ความจริงด้วยตัวเองว่าเป็นวิทยาศาสตร์ และ (น่า)เป็นทางพ้นทุกข์ได้

ตามประสาคนกัลยาณมิตร ก็มักจะชวนคนที่รู้จักไปลองมั่ง และ คำตามตอบที่มักได้รับ คือ โอเค เห็นด้วย เห็นว่าดี น่าลอง แต่ …

1.ไม่มีเวลา ที่ผมไปตั้ง 10 วันรวด + ไปกลับอีก 2 วัน นั่นคือต้องมีเวลา 12 วัน (โอ้ แม่เจ้า ทัวร์ยุโรปได้เลยนะเนี้ย) ไม่มีพักร้อนนานขนาดนั้น อาชีพการงาน และ ธุรกิจ ไม่อำนวย ไม่มีคนดูแลลูกๆ ฯลฯ (หาหลักสูตรสั้นๆก็ได้นิ ไปญี่ปุ่น 4 วัน 3 คืน ก็เห็นไปกันได้ทุกวันหยุดยาว หุหุ)

2. นั่งนานไม่ได้ ปวดหลัง ปวดขา หลังไม่ดี เข่าไม่ดี นั่งได้ 10 นาทีก็ชาไปหมดแล้ว จะไปตรัสรู้อะไรล่ะทีนี้ (ก็ไม่ได้ให้นั่งกันตลอดชม.นิ ขยับบ้างไรบ้างก็ได้ มีหลายเทคนิคอ่ะ)

ปล. ผมนี่แหละ ข้อเข่าเสื่อม + หมอนรองกระดูกเจ๊งกะโบ๊ง (slip disc) ไป 2 ข้อ ก็ไม่เห็นเป็นอุปสรรค

3. ไม่มีสมาธิหรอก จิตหนู จิตผม วอกแวก คิดโน้นคิดนี่เรื่อยเปื่อย เยอะมาก (เอ้า ก็ไปฝึกดิ ไม่มีใครจิตนิ่งมาแต่เกิดหรอก ธรรมชาติของจิตมันไม่นิ่ง มันถึงต้องฝึกไงเล่า)

4. ไม่เชื่อว่าจะทำได้ ทนได้นานขนาดนั้น (ก็อย่าไปหาคอร์สที่เคร่งมากดิ เอาคอร์สแบบไม่ไหวก็ไขกุญแจสตาร์รถกลับได้ดิ)

5. ไม่เหมาะกับแนวทางอาณาปาณสติ (ก็มีตั้งหลายวิธีในการเจริญสมาธินี่นา เลือกวิธีที่ชอบดิ)

6. ไม่ชอบวิธีการพิจารณาเวทนา (ก็มีตั้งหลายวิธีในการวิปัสนา เลือกวิธีที่ชอบดิ – เวทนา จิต กาย ธรรม – เลือกเอาโยม)

7. ไม่เข้าใจ ไม่เห็นด้วย ในหลักการ หรือ เหตุผลบางข้อ (แหม … กินก๋วยเตี๋ยว กินข้าว ยังเขี่ยโน้นเขี่ยนี่ออกแล้วกินเลยนิ ส่วนที่ไม่เข้าใจ ไม่เห็นด้วย ก็ช่างมันดิ กิน เอ๊ย ลองชิม ลองปฏิบัติส่วนที่เห็นด้วย ส่วนที่เข้าใจไปก่อนก็ได้)

ไม่มีอะไรหรอก แค่เม้าส์มอยกันเล่นๆ คนรักกันชอบกัน รู้เห็นอะไรดีๆมาก็อยากจะแบ่งปัน อยากให้รู้ให้มีประสบการณ์ดีๆเหมือนกัน ไม่ได้ชวนใครไปทำอะไรที่ไม่ดีไม่ถูกต้องนี่นา

ผมเชื่ออย่างว่า ในเมื่อความทุกข์มันเป็นสากล ไม่แยกว่า ชนชาติ เชื้อชาติ เพศ ศาสนา เผ่าพันธุ์ ดังนั้น ทางที่จะพ้นทุกข์ มันก็น่าจะเป็นสากล คือ ไม่มีศาสนาไหน คนไหน เป็นเจ้าของ ใครอ้างว่าวิธีนั้นวิธีนี้เป็นของศาสดาของฉัน ก็สมควรที่จะได้รับการแผ่เมตตาให้พ้นจากความไม่รู้ ให้พ้นอวิชชา และ ความหลงผิดโดยไว

ถ้าหลักฟิสิกส์ของการออกกำลังกาย คือ ต้องเคลื่อนไหว (เพราะโดยธรรมชาติ ร่างกายมันขี้เกียจเคลื่อนไหว) ผมก็เชื่อว่า ฟิสิกส์ของการออกกำลังจิต คือจับให้มันอยู่นิ่งๆ (เพราะธรรมชาติมันชอบอยู่ไม่สุข เคลื่อนไหวตลอด) 555 🙂 …

• Facebook
• Twitter
• Line