CCS, CCUS EP6 Reservoir engineering EP4 – CCS, CCUS ตอนที่ 6 อนาคตเทคโนโลยี CCS, CCUS กับพื้นฐานวิศวกรรมแหล่งกักเก็บ (reservoir engineering) 4/4
สวัสดีครับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ และคนที่สนใจในเทคโนโลยี CCS ทุกท่านนะครับ หลังจากตอนที่แล้วผมได้กล่าวถึงพฤติกรรมของก๊าซ CO2 และที่มาที่ไปว่าทำไมเรา หรือชาวบ้านชาวช่องเค้าถึงอัดก๊าซ CO2 ในสถานะ Supercritical Fluid (sc) กันแล้ว
CCS, CCUS EP5 Reservoir Engineering ep3
ในงาน Carbon Capture and Storage (CCS) ถ้าใครได้อ่านจากตอนที่ผ่านๆ มาแล้วจะสังเกตได้ว่าผมเน้นไปที่พาร์ท Storage (กักเก็บ) เป็นหลักเนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับสายงานปิโตรเลียมโดยตรง
ส่วนพาร์ท Capture (ดักจับ) ผมจะพาไปเที่ยวรอบโลกทีหลังละกันนะครับเพราะเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างพัฒนาแล้วพร้อมใช้ได้เลย พูดง่ายๆก็คือเหมือนตัดรูปคนอื่นแล้วมาแปะในงานตัวเองได้เลยนี่แหละ ฮ่าๆ
CCS, CCUS EP6 Reservoir engineering EP4
หลังจากที่ผมเคยเกริ่นไว้แล้วว่าเทคโนโลยี CCS มันเจ๋งยังไงในตอนแรกๆแล้ว ในตอนนี้ผมจะพามารู้จักกับกลไกหลักในการกักเก็บ CO2 ว่าที่มาที่ไปทำไมมันถึง secure and permanent (ถาวรและปลอดภัย) แบบ 100% กันครับผม
กลไกการกักเก็บ CO2 ในชั้นหิน (CO2 Trapping Mechanisms) คือกลไก 4 กลไกหลักที่ทำให้ก๊าซ CO2 ของเรามันถูกกักเก็บอย่างถาวรใต้ดินซึ่งประกอบไปด้วย
- Structural Trapping (การกักเก็บเชิงโครงสร้าง) – เป็นการกักเก็บโดยใช้ชั้นหินปิดกั้น (cap rock) ป้องกัน CO2 ไม่ให้รั่วออกไปจากแหล่งกักเก็บ ซึ่งมันก็เหมือนกับแหล่งปิโตรเลียม แบบเราๆ นี่แหละครับ สังเกตรูป a ด้านล่างนะครับ
 - Residual Trapping หรือ Capillary Trapping (การกักเก็บแบบคงค้างในรูพรุน) – เป็นการกักเก็บ CO2 โดยอาศัยแรงแคปพลิลารี่ (capillary force) ในการขัง CO2 ไว้ในรูพรุนเล็กๆ ของหินกักเก็บ (reservoir rock) เพื่อกักเก็บไม่ให้ CO2 เคลื่อนที่ไปไหน เหมือนกับ irreversible water ซึ่งถูกแรงแคปพลิลารี่ตรึงไว้เช่นกัน (ถ้าใครที่ทำการทดลองตามผมในตอนที่อธิบายเรื่อง drainage กับ imbibition ในฟองน้ำคุณจะสังเกตเห็นตอนครั้นน้ำออกไปแล้วฟองน้ำไม่แห้งสนิท นั้นแหละครับแรงแคปพลิลารี่) อารมณ์คล้ายๆ กับนักเลงพลัดถิ่นแล้วไปโดนเจ้าถิ่นล้อมไว้ไม่ให้ไปไหนนั่นแหละครับ 555 (สำหรับใครที่งงว่าแรงแคปพลิลารี่คืออะไร เอาเป็นว่า CO2 มันโดนขังไว้ในรูพรุนขนาดเล็กก่อนละกันครับ เดี๋ยวผมมาอธิบายเพิ่มเติมทีหลัง) สังเกตรูป b ด้านล่างนะครับ
 - Dissolution Trapping (กักเก็บแบบละลาย) – เป็นการที่ CO2 ของเราที่ลอยตุบป่องๆ ในแหล่งกักเก็บของเราเริ่มละลายลงไปอยู่ร่วมกับน้ำเกลือในแหล่งกักเก็บของเรานี่แหละครับ (ใครที่นึกภาพไม่ออกให้นึกถึงโซดา กับ พวกน้ำอัดอัดลมนะครับเหมือนกัน) สังเกตรูป c ด้านล่างนะครับ
 - Mineral Trapping (กลไกการกลายเป็นแร่) – หลังจากที่ CO2 ของเราละลายรวมกันกับน้ำภายในแหล่งกักเก็บของเราแล้ว CO2 ก็จะเริ่มเกิดกระบวนการกลายเป็นแร่ (mineralization) โดยการเกิดปฏิกิริยาเคมี (geochemical) กับแร่ธาตุต่างๆในชั้นหินจนเกิดเป็นแร่ตัวใหม่ที่เป็นสารประกอบของ CO2 เช่นหินปูน สังเกตรูป d ด้านล่างนะครับ
 

เครดิตรูป: The CO2 storage capacity evaluation: Methodology and determination of key factors – ScienceDirect
ซึ่งหากใครสังเกตจากที่ผมเขียนไปนั้น กลไก 4 กลไกที่กล่าวถึงจะเป็นกลไกที่ค่อยๆไล่จากภาพใหญ่ลงไปที่ภาพเล็กนะครับ (macro scale to micro scale) โดยใช้เวลาจากขั้นแรกไปถึงขั้นสุดท้ายนี่ราว ๆ หลักร้อยถึงหมื่นปีกันเลยทีเดียว อยู่กันแบบยาวๆ (ป่านนั้นผมกับลุงนกคงไปเกิดใหม่แล้วมั้ง 555)
-------------------------------------------------------
ไม่พลาด ข่าวสาร บทความ ความรู้ ประกาศตำแหน่งงานว่าง และ อื่นๆ
กรอก ชื่อ และ อีเมล์ ในแบบฟอร์มข้างล่าง จะมีอีเมล์กลับมาให้ "ยืนยัน" นะครับ การสมัครจึงจะสมบูรณ์ ... อ้อ ... อย่าลืมดูใน junk, trash, spam box นะครับ บางทีระบบมันเอาอีเมล์ตอบกลับไปไว้ที่นั่น
ตามรูปในกราฟด้านล่างเลยฝั่งซ้ายครับ ถือเป็นรูปหลักหัวใจสำคัญในงาน CCS กันเลยทีเดียว แบบว่าทุกคนต้องเคยเห็น รู้จักอะแหละ

เครดิตภาพฝั่งซ้าย: CO2 storage capacity estimation: Methodology and gaps – ScienceDirect
หากใครสังเกตที่ลูกศรสีส้มในภาพฝั่งซ้าย มันจะเป็นตัวบ่งบอกถึงความปลอดภัยในการกักเก็บคาร์บอน ไล่มาตั้งแต่กลไกที่ 1 ถึงกลไกที่ 4
ที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะ CO2 ที่เราเก็บเนี่ยมันเปลี่ยนรูปไปอยู่ในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่ก๊าซครับ มันเลยสามารถเคลมได้ว่ามันทำให้ CO2 เก็บแล้วหายไปเลยแบบ 100% ไม่ปรากฏกลับมา (หัวใจสำคัญเทคโนโลยีมันอยู่ตรงนี้นี่แหละ)
อธิบายแรงดันแคปพลิลารี่แบบง่ายๆ จากที่ติดกันไว้นะครับสำหรับใครที่เข้าใจแล้วข้ามไปได้เลย
ผมอยากให้คุณนึกภาพนะครับว่าในหินที่มีรูพรุน (บ้าน) มักจะมีน้ำเติมเต็มอยู่ในรูพรุนมาก่อนแล้วซึ่งผมจะเรียกมันว่าเจ้าบ้าน
ซึ่งเจ้าบ้านมันก็ชอบอยู่บ้านอยู่แล้ว วันนึงมีคนแปลกหน้าเข้ามาไล่เจ้าบ้านออกไป (drainage) เค้าก็ไม่อยากไปหรอกครับ คนแปลกหน้าก็เลยต้องเริ่มใช้กำลังขู่เข็นผลักดันให้ออกไปจากบ้านซะ โดยบ้านที่เข้าไปง่ายๆ (บ้านหลังใหญ่ = รูพรุนขนาดใหญ่) ก็ไม่ต้องลงมือออกแรงไล่เยอะ
ส่วนบ้านหลังเล็กๆ (รูพรุนขนาดเล็ก) ที่มีทางเข้าไปยากตามป่าตามเขา ก็จะไล่ออกไปยากกว่าต้องใช้แรงเยอะ กว่าจะเดินเข้าไปถึง
ถึงเสร็จก็ต้องไล่เจ้าบ้านถึงในบ้านอีก วันนึงชาวเจ้าบ้านลุกฮือขึ้นมาไล่คนแปลกหน้ากลับออกไป (imbibition) เจ้าบ้านก็จะเริ่มไล่จากบ้านหลังใหญ่ๆ เข้าง่ายๆก่อนถูกไหมครับ ไอบ้านหลังเล็กๆ ทางเข้ายากๆ ก็อาจจะโดนหลงลืม (ก็มันเข้าไปยากนี่นา เป็นงั้นไป 55) ทำให้คนแปลกหน้าถูกขังไว้ แต่เพื่อนคนแปลกหน้าโดนไล่ออกไปหมดแล้ว 555
มันก็เลยเป็นที่มาว่าทำไมถึงโดนล้อม เพราะบ้านอื่นเจ้าบ้านไล่ไปหมดแล้วครับ อาจจะยาวหน่อยแต่น่าจะเห็นภาพครับ
สำหรับเนื้อหาในตอนนี้ผมขออนุญาตตัดจบเพียงเท่านี้ก่อนละกันนะครับ
ในตอนนี้ผมพูดถึงแต่ข้อดีของเทคโนโลยีนี้ไปพอสมควร แต่เหรียญมี 2 ด้านเสมอครับอิอิ ขอแอบสปอยล์ไว้ก่อนครับว่า เราจะมีวิธีการติดตาม CO2 หลังจากอัดไปแล้วยังไง
เค้าก็จะมีเทคโนโลยีติดตามในหลุมที่เรียกว่า monitoring well ซึ่งผมจะมาเขียนให้อ่านในอนาคตอันใกล้นี้แหละ
แต่ตอนถัดไปผมจะพาไปเจาะลึกถึงขั้นตอนกลไก 2 ถึง 4 แบบลงรายละเอียดถึงหลักการทางทางวิศวกรรมแหล่งกักเก็บและเคมีเลยครับว่าทำไม CO2 มันถึงเปลี่ยนรูปไปเป็นตัวอื่นได้ รอติดตามกันได้เลยนะครับผม
Nautilus (Tuna) – nattirut.ys@gmail.com
Special thanks to PEwoF team
CCS CCUS EP7 residual trapping – capillary trapping
ถ้าจะซื้อของออนไลน์จาก 2 เจ้านี้อยู่แล้ว คลิ๊กลิงค์ หรือ โลโก้ ข้างล่างนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯเล็กๆน้อยๆสมทบทุนจ่ายค่าเช่า host server ขอบคุณครับ
(ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่ใช่ลิงค์ดูดเงินแน่ๆ)
 https://raka.is/r/qlzXR | 
 https://raka.is/r/gP7GV | 
			
https://raka.is/r/qlzXR
https://raka.is/r/gP7GV