ถ้าจะซื้อของออนไลน์จาก 2 เจ้านี้อยู่แล้ว คลิ๊กลิงค์ หรือ โลโก้ ข้างล่างนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯเล็กๆน้อยๆสมทบทุนจ่ายค่าเช่า host server ขอบคุณครับ

(ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่ใช่ลิงค์ดูดเงินแน่ๆ)

https://raka.is/r/qlzXR https://raka.is/r/gP7GV

ทำไมต้องอยากรู้ เงินเดือนปัจจุบันของผมด้วย ขอถาม HR ออกสื่อดังๆ

ทำไมต้องอยากรู้ เงินเดือนปัจจุบันของผมด้วย … ผมสงสัยมานานแล้ว จนวันนี้ แก่ปูนนี้ รับคนเข้า (และ ไล่คนออก) มาไม่รู้กี่คนต่อกี่คน

เอาล่ะ ผมอาจจะไม่ได้จบ HR โดยตรง แต่ผมก็รับคนเข้าทำงานมามากมาย ผมไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องไปรู้เลยว่า เงินเดือนปัจจุบันเขาเป็นเท่าไร ผมไม่คยถามด้วยซ้ำ บอกเลย

ทำไมต้องอยากรู้ เงินเดือนปัจจุบันของผมด้วย

เรียนคุณ HR ที่เคารพ คุณมีแฟนไหมครับ (หรือ เคยมี 555) คุณเคยถามแฟนไหมครับว่า แฟนคุณเคยมีแฟนมาแล้วกี่คน แฟนเก่าของเธอ(หรือเขา) เคยให้อะไรในวันวาเลนไทน์มาบ้าง วันปีใหม่ วันเกิด (หรือ วันสำคัญๆอื่นๆ) หรือ แฟนเก่าเคยพาไปเที่ยวไหนมาบ้าง

แล้วถ้าคุณ HR จะให้ของขวัญสักชิ้น หรือ พาไปเที่ยวไหนสักที่ คุณจะต้อง benchmark (เทียบ) กับ สิ่งที่แฟนคุณเคยได้จากแฟนเก่าหรือเปล่า

อ๋อ … วันวาเลนไทน์ เธอเคยได้กุหลาบช่อล่ะ 1200 จากแฟนเก่า งั้น ชั้นให้ ช่อล่ะ 2000 ก็แล้วกัน มื้อเย็นก็ไม่ต้อง Sky roof หรอกนะ แฟนเก่าเคยแค่สั่งไลน์แมนมาส่งให้กินไม่ใช่หรือ งั้น บุฟเฟห์หัวล่ะ 559 บาท ก็พอล่ะ

ถ้าจะซื้อของใน shopee อยู่แล้ว เข้าทางนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯ ถือว่าช่วยผมจ่ายค่าเช่า host server ไม่ใช่คลิ๊กดูดเงินแน่นอนครับ ไม่ต้องกังวล

อ๋อ … แฟนเก่าเคยพาไปเที่ยวแค่พัทยาใช่ไหม งั้นชั้นพาไปสมุยก็หรูแล้ว ไม่ต้องไปหรอกญี่ปุ่น ยิ่งมัลดีฟล่ะก็ลืมไปเลย (ทั้งๆที่มีความสามารถจะพาไปได้)

คุณคิดแบบนี้หรือเปล่า …

งั้นมาคิดเล่นๆในอีกแง่มุมหนึ่ง สำหรับคนที่มีพื้นฐานทางการตลาดมาบ้าง คงทราบดีว่า การตั้งราคาสินค้าและบริการนั้น มี 3 วิธีใหญ่ๆ คือ

วิธีแรก คือ ตั้งราคาบนฐานต้นทุนของสินค้าและบริการนั้นๆ (cost +)

-------------------------------------------------------

ไม่พลาด ข่าวสาร บทความ ความรู้ ประกาศตำแหน่งงานว่าง และ อื่นๆ

กรอก ชื่อ และ อีเมล์ ในแบบฟอร์มข้างล่าง จะมีอีเมล์กลับมาให้ "ยืนยัน" นะครับ การสมัครจึงจะสมบูรณ์ ... อ้อ ... อย่าลืมดูใน junk, trash, spam box นะครับ บางทีระบบมันเอาอีเมล์ตอบกลับไปไว้ที่นั่น

จะมีอีเมล์กลับมาให้ "ยืนยัน" นะครับ การสมัครจึงจะสมบูรณ์ … อ้อ … อย่าลืมดูใน junk, trash, spam box นะครับ บางทีระบบมันเอาอีเมล์ตอบกลับไปไว้ที่นั่น แล้วอย่าลืม mark as not junk or spam ด้วยนะครับ เวลาส่งเตือนคราวหน้า จะได้ไปอยู่ใน in box :)

วิธีที่สอง คือ ตั้งราคาตามตลาด (market price)

วิธีที่สาม คือ ตั้งราคาตามความพอใจของผู้ซื้อที่จะจ่าย (customer will)

แรงงานมนุษย์เงินเดือนอย่างเราก็เป็นสินค้า เป็นของซื้อของขายอย่างหนึ่ง เราๆท่านๆคุณๆทั้งหลาย ในฐานนะเจ้าของสินค้า ก็สามารถเลือกตั้งราคาของเราได้ เราเลือกได้ว่าจะใช้วิธีไหนในการตั้งราคาค่าแรงของเรา

ตั้งราคาบนฐานต้นทุน (cost +) เราก็คำนวนดูว่า ค่าใช้จ่าย ในการใช้ชีวิต ภาระที่มี เงินเก็บ การลุงทุนเพื่อให้ได้ดอกผลที่ต้องการ รวมๆแล้วเป็นเท่าไร ก็ตั้งราคาไปตามนั้น ถ้าได้น้อยกว่านี้ ไม่เอา

ตั้งราคาตามตลาด (market price) ไม่ต้องคิดมาก สำรวจตลาดดูว่า สินค้าอย่างเดียวกับเรา สเป็คเดียวกัน คุณภาพพอๆกัน เขาขายกันเท่าไร เราก็ตั้งราคาเราตามนั้น

ตั้งราคาตามความพอใจของผู้ซื้อที่จะจ่าย (customer price) แบบนี้มักกับใช้กับแรงงานที่สวยเลือกได้ สเป็คสูง มีจำนวนจำกัด อารมณ์ Limited edition หรือ ของ Brand name ที่มาที่ไป ต้นทุน หรือ ราคาตลาด นะเหรอ โนสน โนแคร์ ทำงานให้ได้ก็แล้วกัน พอใจจ่าย จ่ายไหว เห็นคุณค่า คุ้มค่าคุ้มราคา ก็จ่าย

เรียนถามคุณ HR อีกรอบว่า แล้วคุณอยากจะรู้ไปทำไมว่านายจ้างคนก่อนหน้า จ่ายผมเท่าไร มันเรื่องอะไรของคุณหรีอเปล่า เงินเดือนเก่าของผม ไม่เห็นจะอยู่ในวิธีการตั้งราคาค่าแรงของผมเลย คุณน่าจะกังวลและทำการบ้านในข้อที่ 2 และ ข้อที่ 3 มากกว่า

ท่องไว้เลยครับว่า ของดีราคาถูกไม่มีในตลาด โดยเฉพาะในวงการของเรานี่

อย่างข้อที่ 2 คุณควรทำการบ้านมากกว่าว่าราคาตลาดของแรงงานสเป็คที่จะรับ มันประมาณไหน

อย่างข้อที่ 3 คุณควรทำการบ้านมากกว่าว่าคุณค่า หรือ มูลค่าของงานที่ได้จากตำแหน่งที่จะรับนี่ มีมูลค่าเท่าไร ตาม job value model ของบ.คุณ

ไม่ใช่มาถามผมว่า เออ งานเก่าผม ผมได้เงินเดือนเท่าไร มันคนล่ะเรื่องกันอ่ะ

หาบ้านให้น้องหน่อยครับ :)

ขาวจั๊วะ กอดได้ อิงได้ วางประดับได้

ปาหัวคนข้างๆก็ได้ (เวลาใช้ให้ไปล้างจานแล้วไม่ยอมไป)

https://raka.is/r/XBBPp

สำหรับหมวกอีกใบ ไม่ว่าคุณ HR จะตำแหน่งอะไรก็ตาม ถ้าคุณไม่ใช่เจ้าของบริษํทหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ คุณเองก็เป็นลูกจ้างขายแรงงานเหมือนพวกผมนี่แหละ คุณตอบได้ไหมล่ะว่าคุณอยากจะบอกว่าที่นายจ้างใหม่ที่คุณกำลังจะไปสัมภาษณ์ไหมว่า ตอนนี้คุณได้เท่าไร (มันก็เรื่องของชั้นป่ะ ชั้นจะได้เท่าไรตอนนี้)

หรือ คุณก็สงสัยเหมือนผม แต่ ก็เขาทำมากันอย่างนี้ ในฟอร์มสมัครงานมีช่องให้กรอก ก็ต้องกรอก เดี๋ยวหัวหน้าดุ 555 🙂

คำถามที่ผมมักจะถามตัวเองเวลารับคนเข้ามาคือ คนๆนี้ทำงานให้ผมได้หรือเปล่า ในราคาที่ผมมีงบจ้าง คุ้มไหม ผมไม่แคร์หรอกว่า นายจ้างเก่าให้เท่าไร ไม่ใช่เรื่องของผม อาจจะให้มากกว่า น้อยกว่า ก็ได้ มีปัจจัยล้านแปดที่ทำให้เงินเดือนเก่าเขาเท่านั้น ซึ่งปัจจัยล้านแปดที่ว่านั่นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมอยู่ดี

คำถามต่อมาคือ ควรบอกผู้สมัครไหมว่าผมมีงบจ้างสูงสุดเท่าไร

ไม่ต้องโลกสวยเลยว่า ขึ้นกับคุณสมบัติของผู้สมัคร ถ้างานดี คุณสมบัติเริ่ด ก็สามารถเพิ่มได้อีก ในโลกแห่งความเป็นจริง มันมีข้อจำกัดทั้งนั้นครับ ก่อนจะอนุมัติให้รับคน ต้องมีเพดานอยู่ว่า จ้างได้ไม่เกินเท่าไร ต่อให้เริ่ดแค่ไหน ก็จ่ายได้เท่านี้ ดังนั้น ตัวเลขนี้ มันมีอยู่แล้ว เพียงแต่เจ้านายคุณจะบอกให้คุณรู้หรือเปล่าเท่านั้น

สมมุติว่าผมรู้ ผมควรจะบอกผู้สมัครไหมล่ะว่าผมมีงบจ้างสูงสุดเท่าไร และ ในทางกลับกัน ผู้สมัครควรบอกผู้สัมภาษณ์ไหมครับว่า ต่ำสุดที่รับได้ เท่าไร

เรื่องนี้เข้าข่าย game theory, negotiation technique และ value of information หรือ รู้เขาไม่รู้เรา รู้เราไม่รู้เขา หรือ รู้เขารู้เรา … พวกเราคงใช้สามัญสำนึกคิดเอาเองก็ได้ ว่าถ้าใครรู้ของอีกฝ่ายหนึ่งก่อนก็จะได้เปรียบในการต่อรอง จริงไหมครับ เพราะจุดสมดุลของการต่อรองมันจะเลื่อนไปทันทีเลย

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ แต่ทุกการสัมภาษณ์ มักจะเอาเรื่องนี้ไปไว้หลังสุด คุยกันมาเป็น ชม. สัมภาษณ์กัน 3 รอบ หมดเวลากันไปหลายวัน สุดท้าย ขั้นต่ำที่ผู้สมัครรับได้ มากกว่าเพดานที่บ.จะจ่ายได้ จบเลย เสียเวลาเปล่า

แล้วใครควรบอกใครก่อนล่ะ 555 เพราะใครบอกก่อนก็จะเสียเปรียบ

เทคนิคที่ผมคิดว่ายุติธรรมที่สุดที่ผมนำมาใช้ส่วนตัวเลยนะครับ คือ เขียนในกระดาษแล้วแลกกันในนาทีแรกของการสัมภาษณ์นั่นแหละ แลกกัน เปิดดูตอนนั้นเลย ถ้าขั้นต่ำที่ผู้สมัครรับได้ มากกว่าเพดานที่บ.จะจ่ายได้ ก็จบ ยกมือไหว้ หรือ จับมือ shake hand (ถ้าเป็นฝรั่ง) ไม่ต้องผิดใจกันไรกัน เป็นเรื่องของธุรกิจล้วนๆ ไม่เสียเวลาด้วย แยกย้าย ทางใครทางมัน

ถ้าขั้นต่ำที่ผู้สมัครรับได้ น้อยกว่าเพดานที่บ.จะจ่ายได้ ก็คุยกันต่อเรื่องอื่นๆ

First thing first

มีสำนวนภาษาอังกฤษอยู่สำนวนหนึ่งว่า First thing first หมายความว่า เอาเรื่องสำคัญที่สุด เอาขึ้นมาทำหรือ ถกกันก่อน

การสัมภาษณ์ก็เช่นกัน อย่าเหนียมครับ เรามีข้อจำกัดอะไรที่สำคัญๆ ยกมาถามก่อนเลย ถ้าไม่ผ่านจะได้ แยกย้ายจบๆไป ไม่เสียเวลากันทั้งสองฝ่าย เช่น เงินเดือนรายได้ ผลตอบแทน นั่นหนึ่งเรื่องล่ะ

นอกจากนั้นอาจจะมีเรื่อง สไตล์การทำงาน เช่น เรื่องทำงานล่วงเวลากันเป็นนิจ (บางองค์กรเป็นแบบนั้น) ใครกลับเร็วโดนมองว่าทำงานไม่เต็มที่ เลยต้องหาอะไรทำไปก๊อกแก๊กๆให้เปลืองไฟเปลื่องแอร์ การออกสนาม ออกต่างจังหวัด จำนวนวันลาพักร้อน (บางคนสายเที่ยว 5555) สถานที่ทำงาน (ในกรณีที่บ.ใหญ่อาจจะมาหลายสาขา บางสาขา เราเดินทางไม่ไหว ไกลเกิ้น)

ไม่รู้ล่ะ First thing first อะไรที่เป็นเรื่องที่สำคัญกับเรา ถามก่อนเลย (เมื่อผู้สัมภาษณ์เปิดโอกาส หรือ หาช่องไฟแทรกถามเอาตามสถานการณ์หน้างาน)

ใครจะมองผมว่า ผมหน้าเงิน เห็นแก่ตัว ผมก็ไม่ว่าหรอก เพราะผมมองว่า ผมรู้จักจัดลำดับความสำคัญ ความเห็นฝ่ายโลกสวย อาจจะบอกว่า ทำไมไม่คุยเนื้องาน โอกาสความก้าวหน้า ลักษณะงาน บลาๆ ก่อนสัก 2 ชม.ล่ะ เพื่อผมจะยืด หย่อน หรือ ยอม ผ่อนปรน ข้อจำกัดของผม

คำตอบของผมคือ ก็มีส่วนถูก มันขึ้นกับว่า ผมซื่อสัตย์จริงใจกับการตั้งข้อจำกัดของผมแค่ไหน เช่น รายได้ขั้นต่ำที่ผมตั้งไว้ มันต้องต่ำจริงๆ ขั้นต่ำชนิดที่เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม หรือ ผมไม่สามารถไปทำงานนอกกทม.ได้ ไม่ว่างานจะดีเริ่ดประเสริฐศรีแค่ไหน ถ้าข้อจำกัดขั้นต่ำของผมมันต่ำ มันจำกัดจริงๆแล้ว ก็ไม่ต้องมาคุยต่อหรอกครับ ในเรื่องอื่นๆ

แต่ถ้าผ่านข้อจำกัดขั้นต่ำของผมแล้ว โอเค ค่อยมาใช้เวลาคุยกัน เพื่อหาจุดที่สมดุลในเรื่องราคาสินค้า (ค่าแรง ค่าสมอง) ของผม

แน่นอนว่า จะเล่นตัวได้ไรได้แบบนี้ ก็ต้องหางานกันเนิ่นๆก่อนที่จะต้องงานงานนั้นจริงๆ

ถ้าหางานตอนไฟลนก้น อยากได้งานเขาใจจะขาด รถไฟขบวนสุดท้าย HR เขาขออะไรก็ต้องประเคนให้หมด

และอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เล่นตัว สวยเลือกได้ไรได้ ก็ต้องพยายามอัพเกรดไอเท็ม เอ๊ย อัพเกรดความสามารถ คุณสมบัติต่างๆที่เกี่ยวข้องกับงานของเรา หรือ งาน เป้าหมายที่เราจะมองหา

ถ้าดูๆไป คุณสมบัติเราก็ดาษๆ เหมือนคนอื่นอีก 100 คนในตลาด แบบนี้เราจะไปตั้งราคาเราให้สูงได้อย่างไร จริงไหมครับ เราก็ต้องทำสงครามราคากับสินค้าคนอื่น สุดท้ายก็หนีไม่พ้นต้องลดแลกแจกแถม เจ๊งกันพอดี

สุดท้าย อยากบอกให้อุ่นใจว่า ในฐานะของคนที่จะรับ หรือ หาคนมาทำงาน ก็ไม่ได้มีอำนาจต่อรองเหนือผู้สมัครเท่าไรหรอกครับ เราก็มีข้อจำกัดเยอะแยะมากมาย งบจ้างเอย วันเวลาที่ต้องได้คนมาให้ทันเอย สเป็คเอย ฯลฯ

ยิ่งเวลาเจอคนที่เราคิดว่าใช่ เราก็อยากทุ่มหมดหน้าตักเพื่อให้ได้มาเช่นกัน ขออะไรมา ให้ได้ให้หมด แต่เราก็ต้องเก็บอาการ 555 🙂

แน่นอนว่า ในทางกลับกัน หลายครั้งที่เราต้องลดสเป็คคนที่จะรับ เพราะว่าเรามีเงินจ้างเท่านี้ ของดีราคาถูกไม่มีหรอกครับ เราเข้าใจดี

ออกตัวปิดท้ายว่า ที่คุยมาทั้งหมดนี่ เป็นความเห็น และ ประสบการณ์ส่วนตั๊วส่วนตัวผมล้วนๆ ไม่มีหลักการอะไรรองรับทั้งนั้น

แน่นอนว่า คงจะมีคนไม่เห็นด้วย และ อยากถกกันต่อ ก็ยินดีครับ มีช่องให้ comment ข้างท้ายบทความ เต็มทีเลยครับ สังคุมข้อมูลข่าวสาร ความคิด แลกเปลี่ยนมุมมองกันได้

ปล. HR อย่าโกรธกันน้าาาาา รักนะ จุ๊บๆ

ถ้าจะซื้อของออนไลน์จาก 2 เจ้านี้อยู่แล้ว คลิ๊กลิงค์ หรือ โลโก้ ข้างล่างนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯเล็กๆน้อยๆสมทบทุนจ่ายค่าเช่า host server ขอบคุณครับ

(ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่ใช่ลิงค์ดูดเงินแน่ๆ)

https://raka.is/r/qlzXR https://raka.is/r/gP7GV

--- มีคำถามเพิ่มเติม พูดคุย เม้าส์มอย ไปต่อกันได้ที่กระดานสนทนา (webboard) นะครับ

คลิ๊กเลย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

The Sweet Girl

ของมือสองของเฟิร์นค่ะ มีหลายชิ้นเลย ราคาดีสุดๆ (คลิ๊กที่รูปนะคะ ลิงค์จะพาไปที่ร้านค่ะ)

Fern shop

--------- คลิ๊ก - The Sweet Girl ----------