ครม อนุมัติหลักเกณฑ์ รื้อถอนแท่นปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณ บงกช

• Facebook
• Twitter
• Line

ครม อนุมัติหลักเกณฑ์ รื้อถอนแท่นปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณ บงกช – ค่อยๆกระดื๊บๆกันไปเรื่อยๆครับ บ้านเราจะ fast track เรื่องพวกนี้ก็คงจะลำบาก

ข่าวยาวไปนิด เพราะมีน้ำ (ข่าวเก่า) ประกอบเพื่อให้ได้พื้นที่ข่าว หรือ ให้ได้จำนวนคำต่อบทความเยอะๆ จะได้ผ่าน SEO (Search Engine Optimization) 555 🙂 แต่ก็สรุปว่างี้ล่ะกัน

เชฟรอนฯ ในฐานะผู้ดำเนินการแหล่งเอราวัณในปัจจุบัน ส่งมอบแท่นผลิตแก่รัฐ จำนวน 191 แท่น โดยรัฐจะเก็บไว้ใช้ประโยชน์ประมาณ 142 แท่น และส่วนที่ เชฟรอนฯ จะต้องทำการรื้อถอน จำนวน 49 แท่น

ขณะที่ ปตท.สผ. ส่งมอบแท่นผลิตแก่รัฐ จำนวน 50 แท่น โดยรัฐเก็บไว้ในประโยชน์ 46 แท่น และส่วนที่ ปตท.สผ.จะต้องทำหารรื้อถอน ประมาณ 4 แท่น

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน ระบุว่า การประเมินมูลค่าการรื้อถอนฯ อยู่ที่ประมาณ 226.4 ล้านดอลลาร์ต่อแท่น ทั้ง 2 แหล่ง จะรื้อถอนรวม 53 แท่น คาดว่า ต้องใช้วงเงินรื้อถอนประมาณ 12,000 ล้านบาท

เห็นแว็บๆว่ามีผลต่อเนื่องถึงการฟ้องร้องกันระหว่างเชฟรอนกับกรมเชื้อเพลิงฯ เอ๊ะ มันเรื่องอะไร พวกเราที่เพิ่งมาอ่านข่าวอาจจะงง เอางี้ ผมเคยคุยให้ฟังถึงที่มาที่ไปความถูกต้องชอบธรรม และ ข้อสังเกตุเรื่องนี้แบบพลีชีพ 555 ไว้แล้ว ตามลิงค์ข้างล่างนี้ไปเลยครับ

รื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียม รัฐและ เอกชน ต้องเจรจาบนหลักของความเป็นธรรม

รื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียม รัฐและ เอกชน ต้องเจรจาบนหลักของความเป็นธรรม

ถูกก็ต้องว่าถูก ผิดก็ต้องว่าผิด หลักการมีให้ยึดไว้ ไม่งั้นเถียงกันตายเลย

สรุปแบบให้สั้นที่สุดของที่สุดคือ

1. แรกเริ่มประมูลไม่ได้ระบุเรื่องการรับผิดชอบค่ารื้อถอนไว้
2. ออกกฏกระทรวงตอนหลังว่า จ่ายค่ารื้อถอนทั้งหมด (เข้าใจว่าตอนออกกฏกระทรวงนี้คงไม่ได้คิดถึงกรณีที่ต้องประมูลใหม่แล้วเจ้าเก่าแพ้เจ้าใหม่ หรือ มีการเปลี่ยนมือ)
3. เชฟรอนต้องคืนแท่นผลุมผลิต (wellhead platform) บางแท่นให้กรมเชื้อฯเอาไปให้ใช้ต่อ เพราะประมูลแพ้ปตท.สผ. คำถามคือ แท่นหลุมผลิตที่คืนไปนั้นยังใช้ต่อได้ เชฟรอนต้องจ่ายค่ารื้อถอนด้วยหรือ? – คำตอบ ข้อสังเกตุ อยู่ในลิงค์ข้างบนนี่นแหละครับ

ในตอนแรกที่ยังไม่เคาะจำนวนแท่นหลุมผลิตที่ต้องรื้อ และ ต้องส่งมอบให้เอาไปใช้ต่อ ยังอึมๆเทาๆ เชฟรอนก็คงต้องฟ้องเอาไว้ก่อนว่า ไม่จ่ายนะทั้งหมด 191 แท่นฯนะ (แต่ก็ชะลอไว้ในขั้นตอนอนุญาโตตุลาการ) แต่พอได้จำนวนที่จะเอา 142 แท่นฯ จะรื้อ 49 แท่นฯ แบบนี้ก็มีความชัดเจนขึ้นมา โอกาสที่กรมฯและเชฟรอนจะถอยกันคนล่ะก้าว คดีที่ชะลอไว้ก็น่าจะจูบปากจบๆลงกันได้

โถ … กรมฯ กับ เชฟรอน และ ปตท.สผ. มันจะใครกันที่ไหน เห็นใส่สูทผูกไทค์ออกข่าวกันไรกัน พอตีกอล์ฟ กินเหล้า ยืนฉี่ช่องข้างๆกัน ก็เพื่อนกันดีๆนี่เอง แต่ตำแหน่ง บทบาท หัวโขนที่สวมมันไม่เหมือนกัน

สวมหัว(โขน)อะไรก็ต้องเต้นต้องร้องไปตามนั้น ถอดหัวโขนออกก็กากี่นั้ง ไปเยี่ยมที่รพ.ยามป่วย ไปงานศพญาติผู้ใหญ่กัน ก็คนกันเองกันทั้งนั้น

จริงๆก็เข้าใจกรมฯเหมือนกันที่ต้องบังคับเชฟรอนตามกฏกระทรวง (ทั้งๆที่รู้ว่าไม่สมเหตุผล) เพราะถ้าไม่ทำ ก็โดนข้อหาไม่ละเว้น ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ เอื้อประโยชน์ให้เอกชน จะว่าไปบ้านเราก็มีอะไรแบบนี้เยอะ ที่ราชการทั้งรู้ก็รู้ว่าไม่สมเหตุผล แต่ก็ต้องทำ ไม่งั้นโดนข้อหาละเว้นฯ เอื้อเอกชน เอกชนก็ต้องฟ้องกลับ แล้วก็ไปรกศาล

การที่รู้ชัดเจนเรื่องจำนวนการรื้อถอน ขั้นตอน ความรับผิดชอบ บลาๆ ย่อมทำให้ผู้ดำเนินการรายให้ซึ่งก็คือพี่ใหญ่เรา ปตท.สผ. สามารถเข้าพื้นที่แหล่งเอราวัณเพื่อเตรียมการผลิต เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาช่วงรอยต่อ (จะเห็นว่าวันที่ทั่นรัฐมนตรีออกข่าว หุ้นปตท.สผ.ขึ้นกระฉูดเลย)

ถ้าไม่สามารถเข้าพื้นที่เตรียมการได้ก่อน เที่ยงคืนของวันที่เปลี่ยนมือกันมีปัญหาเรื่องการผลิตไม่ต่อเนื่องแน่ๆ ซึ่งแน่นอนว่า ปทต.สผ.ก็ต้องโดนปรับไปไรไปตามสัญญา แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่คือ เรา(ในฐานะประเทศ) ไม่มีก๊าซเข้าอุตสาหกรรมปลายน้ำ (โรงแยกก๊าซ โรงไฟฟ้า โดรงปิโตรเคมี ฯลฯ) ได้ตามปริมาณที่ต้องการ

กรมเชื้อเพลิงฯจึงต้องรับหน้าเสื่อเคลีย์เรื่องนี้ เพื่อดูแลผลประโยชน์ของประเทศให้ต่อเนื่อง ปตท.สผ.ก็พยายามสุดฤทธิ์แหละที่จะทำทุกอย่างไว้ให้มากที่สุด แต่เอกชนจะทำอะไรมันก็ไม่สามารถเกินขอบเขตของกฏหมาย เช่น สัญญาเช่าแผงหมูปิ้งยังไม่หมด ว่าที่เจ้าของใหม่จะเข้าไปพลิกคว่ำพลิกหงายดูเตาหมูปิ้งของเจ้าที่ยังเช่าอยู่ มันก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ

ส่วยเชฟรอน ในฐานะก็คนไทยหัวดำด้วยกัน (ส่วนใหญ่)ก็อยากให้สผ.เข้ามาทั้งนั้น เพราะเห็นแก่ประเทศ แต่เหมือนกรณีข้างต้น ที่ไม่สามารถทำได้ เพราะติดข้อกฏหมาย ให้สผ.เข้ามาก็โดนฝรั่งหัวขาวที่นั่งคุมอยู่ที่อเมริกาจวกเอาข้อหาไม่รักษาผลประโยชน์บริษัท …

ดังนั้น … นั่นคือบทบาท ความรับผิดชอบของกรมเชื้อเพลิงฯที่ต้องเข้ามาช่วยเหลือ

ไหนๆคุยเรื่องแท่นผลิตกันแล้ว แนะนำให้หาความรู้เพิ่มเติมได้ครับว่า อะไรเป็นอะไร ตามลิงค์นี้เลยครับ

แท่นอุปกรณ์การผลิต และ จำนวนอุปกรณ์การผลิต เรือผลิตและกักเก็บ ในทะเล

แท่นอุปกรณ์การผลิต จำนวนอุปกรณ์การผลิต เรือผลิต กักเก็บ ในทะเล

ทำความรู้จักกับ เอราวัณ – 6 แท่นใน Erawan Complex มีอะไรกันบ้าง

ทำความรู้จักกับ เอราวัณ – 6 แท่นใน Erawan Complex มีอะไรกันบ้าง

แท่นขุดเจาะ แท่นผลิต ต่างกันอย่างไร พี่หมื่นขอแจง (นะออเจ้า)

แท่นขุดเจาะ แท่นผลิต ต่างกันอย่างไร พี่หมื่นขอแจง (นะออเจ้า)

อะ อะ ยาวแล้ว ไปอ่านข่าวกันได้ …

ครม อนุมัติหลักเกณฑ์

รื้อถอนแท่นปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณ บงกช

ที่มา – https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/873948

“สนธิรัตน์” เผย ครม.ไฟเขียว กรอบรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณ-บงกช แล้ว มั่นใจ ช่วงเปลี่ยนผ่านไม่สะดุด คงกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.63 ได้เห็นชอบกรอบการส่งมอบสิ่งติดตั้งหรือแท่นผลิตปิโตรเลียมของแหล่งเอราวัณและบงกช ที่จะสิ้นสุดสัมปทานในช่วงปี 2565-2566 ตามที่คณะกรรมการปิโตรเลียมนำเสนอแล้ว

โดยขั้นตอนหลังจากนี้ ทางผู้รับสัมปทานรายเดิม จะต้องจัดทำแผนการรื้อถอนฯเสนอมายังกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์กำหนดไว้ว่าจะต้องวางแนวทางล่วงหน้าก่อนหมดอายุสัมทานเป็นเวลา 2 ปี รวมถึงต้องวางหลักประกันตามที่กฏหมายกำหนด

“การรื้อถอนฯ ตอนนี้หลักเกณฑ์จบไปแล้ว ผู้รับสัมปทานต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนเรื่องการวางหลักประกันฯ ก็คนละส่วนกัน แต่เชื่อว่าเรื่องคงจะไม่ได้ถึงอนุญาโตตุลาการ”

ดังนั้น คาดหมายว่าการส่งมอบงานในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่ผู้รับสิทธิ์รายใหม่ คือ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาขน) หรือ ปตท.สผ.และพันธมิตร จะเป็นตามแผนที่รัฐกำหนดปริมาณการผลิตปิโตรเลียมขั้นต่ำต่อวันจากทั้ง 2 แหล่ง ต้องไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หลังสิ้นสุดสัมปทานเดินทันที ฉะนั้นการผลิตปิโตรเลียมของไทยจะเกิดความต่อเนื่องอย่างแน่นอน

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการปิโตรเลียม กล่าวว่า เชฟรอนฯ ในฐานะผู้ดำเนินการแหล่งเอราวัณในปัจจุบัน ได้แจ้งเรื่องการส่งมอบแท่นผลิตแก่รัฐ จำนวน 191 แท่น โดยรัฐจะเก็บไว้ใช้ประโยชน์ประมาณ 142 แท่น และส่วนที่ เชฟรอนฯ จะต้องทำการรื้อถอน จำนวน 49 แท่น

ขณะที่ ปตท.สผ.ในฐานะผู้ดำเนินการแหล่งบงกชในปัจจุบัน จะส่งมอบแท่นผลิตแก่รัฐ จำนวน 50 แท่น โดยรัฐเก็บไว้ในประโยชน์ 46 แท่น และส่วนที่ ปตท.สผ.จะต้องทำหารรื้อถอน ประมาณ 4 แท่น

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน ระบุว่า การประเมินมูลค่าการรื้อถอนฯ อยู่ที่ประมาณ 7 ล้านดอลลาร์ต่อแท่น ทั้ง 2 แหล่ง จะรื้อถอนรวม 53 แท่น คาดว่า ต้องใช้วงเงินรื้อถอนประมาณ 12,000 ล้านบาท

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า หากได้รับมติ ครม.อย่างเป็นทางการแล้ว กรมฯ จะทำหนังสือถึงผู้รับสัมปทานทั้ง 2 แหล่ง ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนโดยส่งแผนการรื้อถอนฯ ซึ่งจะมีวงเงินประมาณการค่าใช้จ่ายการรื้อถอน โดยกรมฯจะส่งให้บุคคลที่สาม เป็นผู้เข้ามาประเมินมูลค่าการรื้อถอนทั้งแท่นและท่อต่างๆ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย

• Facebook
• Twitter
• Line