ถ้าจะซื้อของออนไลน์จาก 2 เจ้านี้อยู่แล้ว คลิ๊กลิงค์ หรือ โลโก้ ข้างล่างนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯเล็กๆน้อยๆสมทบทุนจ่ายค่าเช่า host server ขอบคุณครับ

(ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่ใช่ลิงค์ดูดเงินแน่ๆ)

https://raka.is/r/qlzXR https://raka.is/r/gP7GV

Love and Faith (correctly) อย่ารักและศรัทธา อย่างมืดบอด

Love and Faith (correctly) อย่ารักและศรัทธา อย่างมืดบอด – สถาบัน คือ “สิ่งซึ่ง” คนในส่วนรวม (หรืออีกนัยหนึ่ง สังคม) จัดตั้งให้มีขึ้นเพราะ “เห็นประโยชน์ว่ามีความต้องการ และ จําเป็นแก่วิถีชีวิตของตน” เช่น สถาบันครอบครัว สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันการศึกษา สถาบันการเมือง สถาบันการเงินความหมายจาก พจนานุกรมแปล ไทย-ไทย ราชบัณฑิตยสถาน

Love and faith

ในความหมายนี้ ผมขยายความว่า

1. “สิ่งซึ่ง” … แปลว่า ไม่ใช่คน เป็นการเรียกอะไรบางอย่างที่คนหลายๆคนจัดตั้งให้มีขึ้นด้วยเหตุปัจจัยหนึ่ง

2. เหตุปัจจัยที่ว่าคือ “เห็นประโยชน์ว่ามีความต้องการ และ จําเป็นแก่วิถีชีวิต” … มีมิติของเวลาเข้ามาเกี่ยวด้วย

แปลว่า สิ่งซึ่งเห็นประโยชน์ว่ามีความต้องการ และ จําเป็นแก่วิถีชีวิต ในเวลาหนึ่ง สมัยหนึ่ง สังคมเดิมนั่นแหละอาจจะไม่เห็นประโยชน์ว่ามีความต้องการ และ จําเป็นแก่วิถีชีวิต ในอีกเวลาหนึ่ง อีกสมัยหนึ่ง

ถ้าจะซื้อของใน shopee อยู่แล้ว เข้าทางนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯ ถือว่าช่วยผมจ่ายค่าเช่า host server ไม่ใช่คลิ๊กดูดเงินแน่นอนครับ ไม่ต้องกังวล

กล่าวคือ มีเหตุปัจจัยที่ก่อให้เกิด “สิ่งซึ่ง” ที่ว่านั้น มีเหตุปัจจัยที่ทำ “สิ่งซึ่ง” ที่ว่านั้น ดำรงอยู่ และ มีเหตุปัจจัยที่ให้ “สิ่งซึ่ง” ที่ว่านั้น ดับสิ้นไป (หรือไม่จำเป็นต้องมี “สิ่งซึ่ง” ที่ว่านั้น อีกต่อไป)

เช่น สมัยก่อน เราไม่มีสถาบันการเงิน เพราะเราไม่มีเงินใช้ เราแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการโดยตรง (barter system) เหตุปัจจัยมันเป็นแบบนั้น แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน เหตุปัจจัยเปลี่ยน เราประดิษฐ์ “เงิน” มาใช้เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน ระบบเศรษฐกิจเราซับซ้อนขึ้น เราจึง “เห็นประโยชน์ว่ามีความต้องการ และ จําเป็นแก่วิถีชีวิต” ที่จะต้องมี “สถาบันการเงิน” และ ไม่แน่ว่า ในอนาคตยุคดิจิตอล ถ้าเราสามารถใช้เงินดิจิตอลในระบบ block chain ได้สมบูรณ์แล้ว สถาบันการเงินอาจจะไม่จำเป็นแก่วิถีชีวิตของคนในสังคมอีกต่อไป สถาบันการเงิน ก็คงหายไปจากสังคม เช่นเดียวกับ เงินสด (currency) ที่กำลังทะยอยๆหมดไปจากระบบ

3. เนื่องจาก “สิ่งซึ่ง” นั้น ไม่ใช่คน มันจึงไม่สามารถ ดี หรือ เลว ได้ด้วยตัวมันเอง เพราะ “สิ่งซึ่ง” ที่ว่านั่น มันทำอะไรไม่ได้ด้วยตัวมันเอง (ภาษาพระเรียว่า มันสร้างกรรมไม่ได้) ดังนั้น “สิ่งซึ่ง” จะดำรงอยู่ หรือ ดับสิ้นไป ก็ขึ้นกับ ความดี เลว ของสมาชิกใน หรือ สมาชิกของ “สิ่งซึ่ง” นั่นเอง

ทุกศาสนา ปราชญ์ ครูบาอาจารย์ พ่อแม่ สอนเราเสมอว่า คนจะดี จะเลว ไม่ได้อยู่ที่ว่า คนนั้น เชื้อชาติ สัญชาติ เพศ สีผิว ถิ่นกำเนิด อะไร และ แน่นอนว่า ไม่ได้อยู่ที่ว่าเขานามสกุลอะไร สืบเชื้อสายจากตระกูลไหน หรือ มาจากค่าย สังกัด สถาบันอะไร (เช่น ถ้าใครมาจากสถาบันศาสนาแล้วไม่จำเป็นต้องดีทุกคน)

-------------------------------------------------------

ไม่พลาด ข่าวสาร บทความ ความรู้ ประกาศตำแหน่งงานว่าง และ อื่นๆ

กรอก ชื่อ และ อีเมล์ ในแบบฟอร์มข้างล่าง จะมีอีเมล์กลับมาให้ "ยืนยัน" นะครับ การสมัครจึงจะสมบูรณ์ ... อ้อ ... อย่าลืมดูใน junk, trash, spam box นะครับ บางทีระบบมันเอาอีเมล์ตอบกลับไปไว้ที่นั่น

จะมีอีเมล์กลับมาให้ "ยืนยัน" นะครับ การสมัครจึงจะสมบูรณ์ … อ้อ … อย่าลืมดูใน junk, trash, spam box นะครับ บางทีระบบมันเอาอีเมล์ตอบกลับไปไว้ที่นั่น แล้วอย่าลืม mark as not junk or spam ด้วยนะครับ เวลาส่งเตือนคราวหน้า จะได้ไปอยู่ใน in box :)

Love and Faith (correctly)

อย่ารักและศรัทธา อย่างมืดบอด

ผมยกตัวอย่างใกล้ๆตัวนี่แหละ …

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง คือ สถาบันการศึกษาหนึ่งที่สร้างผมให้เป็นผมอย่างทุกวันนี้ ผมรักและเชื่อมั่นในคุณงามความดีของสถาบันฯนี้ ผมเชื่อว่า สถาบันฯนี้สร้างบุคลากรมากมายที่สร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศไทยไว้มากบ้างน้อยบ้าง

ผมกล้าพูดได้ว่าประเทศไทยเป็นหนี้บุญคุญหลายๆคนที่มาจากสถาบันฯนี้

ในขณะเดียวกัน ผมก็ยอมรับว่า มีหลายๆคนจากสถาบันฯนี้ที่ทำร้ายประเทศชาติและประชาชนอย่างมาก ด้วยการโกงกิน ฉ้อราษฎร์บังหลวง

ประเทศไทยก็ชิบหายวายป่วงจากบางคนที่มาจากสถาบันฯนี้เช่นกัน

สมัยหนึ่งผมได้ยินมาว่าบัณฑิตที่จบจากสถาบันฯ ขยัน อดทน สู้งาน ชอบงานภาคปฏิบัติ เรียกว่า ไม่ต้องสอบข้อเขียนหรือสัมภาษณ์ก็รับได้เลยถ้าจบจากที่นี่

ผมก็เชื่อว่าอาจจะจริง เนื่องจากเหตุปัจจัยในสมัยนั้น ยุคนั้น แต่ สมัยถัดมา ยุคถัดมา ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ไหม มันก็ไม่ใช่ จริงไหมครับ เพราะเหตุปัจจัยมันเปลี่ยน

ผมก็รักสถาบันฯของผม ผมรับไม่ได้ที่จะตำหนิ ติเตียน ก่นด่าสถาบันฯที่ผมรัก แบบเหมาเข่งทั้งสถาบัน

อาจารย์คนไหน หัวหน้าภาคฯคนไหน บัณฑิตคนไหน คณบดีคนไหน อธิการบดีคนไหน มันเลว มันชั่ว ก็ว่ากันเป็นคนๆไป อันนี้ไม่ว่ากัน ยินดีด้วยซ้ำที่จะแยกปลาเน่าออกมาจากปลาดี ไม่ใช่เข้าทำนองปลาเน่าตัวเดียวก็เน่าทั้งข้อง

ไม่งั้นทุกสถาบันก็คงจะเน่าไปหมด เพราะทุกสถาบันมีทั้งคนดีและไม่ดีในสถาบันนั้น

แน่นอนว่า สมาชิกในสถาบันฯ มีหน้าที่ สิทธิ และ ความรับผิดชอบไม่เท่ากัน

หาบ้านให้น้องหน่อยครับ :)

ขาวจั๊วะ กอดได้ อิงได้ วางประดับได้

ปาหัวคนข้างๆก็ได้ (เวลาใช้ให้ไปล้างจานแล้วไม่ยอมไป)

https://raka.is/r/XBBPp

นักศึกษา อาจารย์ หัวหน้าภาคฯ คณบดี อธิการบดี ย่อมมี หน้าที่ สิทธิ และ ความรับผิดชอบไม่เท่ากัน

ดังนั้น กรอบความโปร่งใส ขอบเขตความเป็นส่วนตัว และ การถูกตรวจสอบว่า เป๊ะ กับมาตราฐานดีชั่ว ย่อมขยับไปตาม หน้าที่ สิทธิ และ ความรับผิดชอบที่ไม่เท่ากัน

เช่น คณบดี อธิการบดี นอกจากจะมีมาตราฐานศีล 5 กำกับเป็นพื้นเหมือนนักศึกษาแล้ว ยังต้องมี ทศพิธราชธรรม อีกด้วย เพราะถือว่าเป็นผู้มีอำนาจปกครอง ให้คุณให้โทษผู้ใต้ปกครอง จึงจำเป็นต้องมีมาตราฐานของผู้ปกครองกำกับเพิ่มขึ้นมาจากนักศึกษา

นอกจากนั้น นักศึกษาอาจจะมีเหตุบรรเทา เหตุให้หลุดจากข้อครหา ให้หลุดจากการต้องรับผิด ได้ด้วยเหตุ ความเป็นส่วนตัว – เรื่องส่วนตัว – โลกส่วนตัว – ใครๆก็ทำกัน – ตีความกฏระเบียบแบบศรีธนชัยเข้าข้างตัวเอง หรือ เลี่ยงบาลี แต่ คณบดี หรือ อธิการบดี นั้นไม่อาจจะหลุดจากข้อครหา หรือ หลุดจากการต้องรับผิดได้ด้วยข้ออ้างทำนองเดียวกัน

นั่นเพราะ เมื่อท่าน (คณบดี หรือ อธิการบดี) มีหน้าที่ สิทธิ ความรับผิดชอบ มีพระเดช พระคุณ ให้คุณให้โทษได้ มาตราฐาน ดีชั่ว ย่อมสูง ต้องเข้มขึ้นเป็นเงาตามกัน

ทุกคนอยู่ภายใต้กฏหมายเดียวกันก็จริง แต่อย่าลืมว่ากฏหมายเป็นเพียงมาตราฐานขั้นต่ำของสังคม ผู้ที่มี หน้าที่ สิทธิ ความรับผิดชอบ มีพระเดช พระคุณ ให้คุณให้โทษได้ ย่อมถูกคาดหวังว่าต้องมีความประพฤติที่ “ถูกต้อง” มากกว่า (แค่) “ถูกกฏหมาย”

เช่น นักศึกษาอาจจะไม่เข้ามาเรียนเลยทั้งเทอม (ไปสำมะเรเทเมา หัวหกก้นขวิด นอนกกแฟน กกกิ๊ก บลาๆ) เข้ามาแค่วันมาสอบวันเดียว ถ้าสอบผ่าน ก็ไม่ว่ากัน (ถ้ากฏเกณฑ์การได้หน่วยกิตมีแค่สอบผ่านก็พอ)

แต่ถ้า อธิการบดี ไม่เข้าสถาบันฯเลยทั้งเทอม ต่อให้บริหารทางไกล (remote control/management) ได้ดีแค่ไหน ก็ย่อมไม่พ้นคำครหา และ ไม่พ้นที่ต้องรับผิด แม้ว่าจะไม่มีกฏของสถาบันฯเขียนเอาไว้ว่าต้องเข้าสถาบันฯเทอมล่ะอย่างน้อยกี่วัน

จะเรียกว่าเป็นราคา(ทางสังคม)ที่ต้องจ่าย สำหรับการมี หน้าที่ สิทธิ ความรับผิดชอบ มีพระเดช พระคุณ ให้คุณให้โทษได้ ก็ไม่ผิดนัก

วิกฤติศรัทธา จึงเป็นการตัดสินของสังคมที่ชี้เป็นชี้ตายมากกว่าบทบัญญัติของกฏสถาบันฯ หรือ กฏหมาย

ในทำนองเดียวกัน อุปมาคล้ายๆกับสถาบันทางการเงินที่ยกตัวอย่างข้างต้นเช่นกัน ที่ว่าเมื่อถึงยุคสมัยหนึ่ง กลุ่มสาขาวิชาหนึ่งที่อาจจะไม่จำเป็นต้องผ่านระบบสอบเข้ามาเรียนในสถาบันฯของผม ก็สามารถเรียนเองวัดผลเองได้รับความเชื่อถือและได้งานทำ(หรือทำงานเอง)ด้วยโลกระบบและเทคโนโลยียุคติจิตอล ซึ่งตอนนี้ก็มีให้เห็นแล้วหลายๆสาขาวิชา

เมื่อนั้นเหตุปัจจัยที่ทำให้ต้องมีสถาบันฯของผมเพื่อตอบโจทย์ความจำเป็นในการผลิตบัณฑิตในสาขาวิชานั้นๆก็คงไม่มีอีกต่อไป และ เมื่อครบทุกสาขาวิชาที่มีสอนในสถาบันเมื่อไร ประเทศนี้อาจจะไม่จำเป็นต้องมี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ก็ได้ หรือ อย่างน้อย หลายๆสาขาวิชา หลายคณะ อาจจะไม่มีคนสมัครเรียน (เพราะการเข้ามาแทนที่ของวิธีการศึกษาอื่นโดยโลกดิจิตอลที่เป็นที่ยอมรับได้ของตลาดแรงงาน) สถาบันฯก็ต้องทะยอยปิดไปเองโดยเหตุปัจจัยตามธรรมชาติ

นั่นคือเหตุที่ผมเรียกว่า ปัจจัยภายนอก อันจะทำให้สถาบันฯอันเป็นที่รักของผมต้องหายไปจากประเทศนี้

แต่ที่แย่กว่านั้นคือ ปัจจัยภายใน ทำนองสำนวนไทยที่ว่า “ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ” ถ้าจะบรรลัยก็เพราะ “สนิมเกิดแต่เนื้อในตน”

นักศึกษาคุณภาพห่วย อาจารย์ขี้เกียจสอนเอาแต่รับจ๊อบ(แล้วเอามาให้น.ศ.ทำ) หัวหน้าภาคฯไปตีกอล์ฟไม่เข้าภาค คณบดีโกงกินและเอาพนักงานธุรการเป็นเมียน้อย อธิการบดีมีแต่ข่าวฉาวคาวผิดศีลมันทุกข้อออกสื่อสังคมให้โดนประจานรายวัน

แบบนี้ไม่ต้องรอปัจจัยภายนอกหรอก คนในสถาบันฯสร้างความเสื่อมให้สถาบันฯเอง สถาบันฯก็เสื่อมไปตามเหตุปัจจัย ต่อให้ศิษย์เก่า อาจารย์เฒ่า (ที่บ้างก็ตายไปแล้ว) คณบดีเก่า อธิการบดีเก่า สร้างคุณงามความดีไว้แก่ประเทศนี้แค่ไหนในอดีต ก็คงไม่ใช่เหตุปัจจัยที่จะให้สถาบันฯคงอยู่ในปัจจุบัน

สรุปว่า ผมนี่แหละที่รัก เคารพ และ เทิดทูน สถาบันฯ(การศึกษาที่ผมจบมา) ใครจะมาด่าทอต่อว่าสถาบันฯผมแบบสาดเสียเทเสียเหมาเข่ง ผมก็ไม่ยอม ผมจะออกหน้าออกมาชี้แจงด้วยหลักการเหตุผลที่ว่าไป

แต่ถ้าชี้มาว่า ปลาตัวที่เน่าในสถาบันฯผม มันเน่ายังไง มันทำอะไรถึงมีกลิ่นโชยออกจากสถาบันฯของผม แบบนั้น ผมยินดีรับฟัง และ ถ้ามันจริง มีหลักฐานเชิงประจักษ์มาแบให้ดูกัน พิสูจน์กัน ผมก็จะไม่โต้เถียงเลย

ส่วนการจะบอกว่ายกเลิกไปเถอะ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบังของผม เพราะ น.ศ.ห่วยๆ อาจารย์ขี้เกียจๆ คณบดีฉาวๆ แค่บางคน … ยิ่งไม่สมเหตุผลกันไปใหญ่

  • ไล่หนูตัวเดียว ไม่ถึงกับต้องเผาบ้านทั้งหลัง … ใช้กับดักหนูมาวางรอหนีบคอมันตอนมันเผลมากินเหยื่อล่อก็ได้
  • ครูบ้ากามคนเดียว ไม่ถึงกับต้องยกเลิกพิธีไหว้ครู … เอาเข้าคุกก็ได้
  • พระใบ้หวย ตุ๋ยเณรน้อย อมเงินทอนวัด ไม่กี่รูป ไม่ถึงกับต้องยกเลิกศาสนา … จับสึกก็จบ
  • and so on ….

ท้ายที่สุด … ถ้าสถาบันฯผมจะหายไปด้วยปัจจัยภายนอก หรือ ปัจจัยภายใน ผมก็จะยอมรับการหายไปนั้น แต่โดยดี เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงอย่างย่อมมีเหตุ มีปัจจัยของมัน ไม่มีอะไรที่คงอยู่ถาวร มันเกิดมีขึ้น มันอยู่อย่างนั้นสักพัก แล้วมันก็เสื่อมโทรม จนในที่สุดมันก็หายไป

สถาบันฯผมที่ผมรักนักรักหนาก็ไม่ต่างกัน หนีกฏข้อนี้ไม่พ้น เพียงแค่ผมจะอยู่ทันเห็นช่วงไหนมันในช่วงไหนของชีวิตผมเท่านั้น

และ … ถึงแม้ว่า “สิ่งซึ่ง” ของผมจะหายไปจากประเทศนี้ แต่ ความทรงจำที่ดีงาม บูรพาอาจารย์ เพื่อนพ้อง คณบดี อธิการบดี ที่ดี ที่ผมรักและเคารพ ก็ยังคงอยู่ในใจผมตลอดไป

อยู่ก็เหมือนไม่อยู่ ถ้าไม่อยู่ในใจผู้คน
ไม่อยู่ก็เหมือนอยู่ ถ้ายังอยู่ในใจผู้คน

ถ้าเราเข้าใจหลักเหตุปัจจัยที่ว่านี้

เงยหน้า … เราก็ตอบฟ้าได้
ก้มหน้า … เราก็ไม่เกรงแผ่นดินจะถาม
มองไปข้างหน้า … เราก็ชี้แจงได้ทั้ง มนุษย์ เทวดา และ ยมฑูต

— The end …

Nong Fern daddy พ่อน้องเฟิร์นเป็นใคร บอกได้เท่าที่บอกได้ล่ะกันครับ

ถ้าจะซื้อของออนไลน์จาก 2 เจ้านี้อยู่แล้ว คลิ๊กลิงค์ หรือ โลโก้ ข้างล่างนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯเล็กๆน้อยๆสมทบทุนจ่ายค่าเช่า host server ขอบคุณครับ

(ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่ใช่ลิงค์ดูดเงินแน่ๆ)

https://raka.is/r/qlzXR https://raka.is/r/gP7GV

--- มีคำถามเพิ่มเติม พูดคุย เม้าส์มอย ไปต่อกันได้ที่กระดานสนทนา (webboard) นะครับ

คลิ๊กเลย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

The Sweet Girl

ของมือสองของเฟิร์นค่ะ มีหลายชิ้นเลย ราคาดีสุดๆ (คลิ๊กที่รูปนะคะ ลิงค์จะพาไปที่ร้านค่ะ)

Fern shop

--------- คลิ๊ก - The Sweet Girl ----------