LNG Third Party Access (TPA) ผลกระทบต่อ ปตท.สผ.

• Facebook
• Twitter
• Line

LNG Third Party Access (TPA) ผลกระทบต่อ ปตท.สผ. – เมื่อปลายเดือนที่แล้วมีข่าวออกสื่อว่า “ทบทวนเปิดเสรีก๊าซระยะ 2 สนพ.ได้ข้อสรุปเสนอ “สนธิรัตน์” เดือน ก.ค.นี้” ก็เลยมีเสียงถามมาในไลน์กลุ่มเพื่อนๆที่เรียนมาด้วยกันว่า มีผลกระทบอย่างไรกับปตท.สผ.ไหม และ อย่างไร

ผมก็มีคำตอบของผมเองแหละ แต่ไม่แน่ใจว่าถูกไหม ไปถามๆจากเพื่อนฝูงผู้รู้หลายๆท่านแล้วมาประมวลให้พวกเราเป็นความรู้เพิ่มเติม (ถึงแม้จะไม่เกี่ยวกับธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมต้นน้ำของเราโดยตรง)

สรุปในเนื้อข่าวก่อนว่า แต่ดั้งเดิม ใครจะใช้ก๊าซก็ต้องซื้อจากปตท. แล้วปตท.มีหน้าที่ไปหามาขายให้พอ (อาจจะมาจากอ่าวฯ หรือ LNG – Liquid Petroleum Gas ใส่ถังลูกกลมๆลงเรือมา) เอามาขายให้ผู้ผลิตไฟฟ้า รายใหญ่ก็ EGAT (กฟผ.) และ รายอิสระอื่นๆ รวมถึงอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ต้องใช้ก๊าซธรรมาชาติเป็นวัตถุดิบตั้งต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีกลิ่นอายของระบบผูกขาดอยู่

ต่อมาก็มีนโยบายของรัฐฯที่จะเพิ่มทางเลือกให้ผู้ผลิตไฟฟ้าทั้งหลายสามารถนำเข้า LNG ได้เอง (แน่นอนว่ามีกติกาบ้างไรบ้าง) โดยเริ่มจากอนุญาติให้กฟผ.ก่อน แล้วก็จะมีแนวทางที่จะขยายเพิ่มเติม โดยมีความคิดว่าให้โรงไฟฟ้าใหม่ ที่ยังไม่ได้มีสัญญาก๊าซผูกพันกับปตท.สามารถจัดหาหรือนำเข้า LNG ได้เอง หรือ ที่เรียกว่า Third Party Access (TPA) เป็นการเพิ่มการแข่งขันให้มีผู้นำเข้าก๊าซ (Shipper) หลายราย

แต่ยังไม่ได้สรุปนะว่าจะเอาแบบนี้ ยังมีอีกหลายทางเลือก เช่น ให้ปตท.เป็นคนจัดหาเจ้าเดียว แต่ใช้ระบบประมูลเอาจาก shipper หลายๆราย (ภายใต้กติกาที่รัฐกำหนด)

แต่ไม่ว่าจะเป็นไปในแนวทางไหน ก็จะเป็นการเพิ่มผู้เล่นในตลาด ทำให้เกิดการแข่งขัน อันจะเกิดประโยชน์ในด้านราคาที่น่าจะต่ำลง

กลับมาที่คำถาม “มีผลกระทบอย่างไรกับปตท.สผ.ไหม และ อย่างไร”

ก่อนอื่นต้องเข้าใจ 2 เรื่องนี้ก่อน

1. การใช้ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย

หลักๆเลย มี 2 อย่าง

1. เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่ผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นยางเทียม พลาสติก กาว ฯลฯ ที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน

2. เอาไปเผาให้ความร้อนโรงไฟฟ้า

ก๊าซ LNG ที่ใส่เรือเข้ามานั้น เอามาเผาให้ความร้อนโรงไฟฟ้าได้ แต่ไม่มีสารตั้งต้นที่ เอามาใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี พูดง่ายๆคือ เป็นพลังงานล้วนๆ

ดังนั้นการที่เราเอาก๊าซฯในอ่าวๆฯ ไปเผาให้ความร้อนเผื่อผลิตไฟฟ้า จึงไม่เป็นการใช้ก๊าซฯจากอ่าวฯที่คุ้มประโยชน์ที่ควรจะได้เท่าไร

2. สัญญาการซื้อขายก๊าซในอ่าวไทย

เนื่องจาก การขนส่งก๊าซฯจากอ่าวฯเข้ามาฝั่ง เราใช้ระบบขนส่งทางท่อ เพราะมามีความคุ้มทางเศรษฐศาสตร์มากกว่า เพราะลงทุนสร้างท่อเยอะก็จริง แต่เป็นการลงทุนระยะยาว ใช้ได้นาน ปริมาณขนส่งเยอะ พอหารต่อหน่วยก๊าซตลอดอายุการใช้งานท่อออกมาแล้วต่ำกว่าที่จะไปทำโรงงาน LNG อยู่ในอ่าว อัดเป็นของเหลวใส่เรือเข้าฝั่ง

เมื่อลงทุนสร้างท่อเยอะ สัญญาซื้อขายก๊าซระหว่างผู้ขาย (ปตท.สผ – ลูก) กับ ผู้ซื้อ (ปตท. – แม่) จึงเป็นสัญญาซื้อขายระยะยาว (ชัวร์ว่าขายได้นานๆ) โดยมีกลไกที่กำหนดประมาณการซื้อขายประจำวัน DCQ (Daily Contract Quantity) เอาไว้ว่าผู้ขายต้องส่งก๊าซให้ผู้ซื้อเท่าไรในแต่ล่ะช่วงเวลาที่ตกลงกัน และ มีปริมาณขั้นต่ำกำกับ คือ ผู้ซื้อไม่สามารถซื้อน้อยกว่านี้ได้ เป็นการการันตีว่า ผู้ขายสามารถขายได้แน่ๆขั้นต่ำวันล่ะเท่าไรนั่นเอง

พูดง่ายๆคือ ธุรกิจขายก๊าซของผู้ผลิตในอ่าวไทยทุกเจ้าคือ ธุรกิจที่ปริมาณการขาย (รายได้) ขึ้นกับผู้ซื้อกำหนด ผู้ผลิตผลิตได้มากก็ขายไม่ได้ ถ้าผู้ซื้อแต่เพียงผู้เดียว(ปตท.) ไม่เรียกซื้อ และ จะไปขายให้คนอื่นก็ไม่ได้ เพราะลงทุนสร้าง(หรือเช่า)ท่อก๊าซที่มีไว้แล้วเข้าโรงแยกของผู้ซื้อ(ปตท.)

อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงได้คำตอนแล้วนะครับว่า ข่าว TPA ที่ว่านี้กระทบสผ.อย่างไร คำตอบคือ ไม่กระทบเลย แต่จะกระทบแม่ (ปตท.) มากกว่า เพราะโดนเอาอำนาจผูกขาดตลาดก๊าซออกไปจากมือ

ส่วนปตท.สผ.นั้น ขายก๊าซในปริมาณขั้นต่ำ ก็อยู่รอดได้ ยังไงๆปตท.ก็ต้องใช้ก๊าซจำนวนหนึ่งป้อนโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอยู่ดี เพราะอุตสาหกรรมปิโตรเคมีใช้ LNG ไม่ได้ ถ้าเหลือจากควาามต้องการของอุตฯปิโตรเคมี ก็ค่อยเอาไปเผาเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า

อ่ะ ยาวแล้ว ไปอ่านข่าวกันเลยดีกว่า …

LNG Third Party Access (TPA)

ผลกระทบต่อ ปตท.สผ.

ทบทวนเปิดเสรีก๊าซระยะ 2 สนพ.ได้ข้อสรุปเสนอ “สนธิรัตน์” เดือน ก.ค.นี้

ที่มา … https://www.energynewscenter.com/%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B0-2/

สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เตรียมนำเสนอความชัดเจนของนโยบายการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติ ระยะที่ 2 ให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) และ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณา ภายในเดือน ก.ค.2563 นี้

แง้มทางเลือก ให้ เอกชนจัดหาLNG ให้โรงไฟฟ้าได้เองตามระบบTPA หรือจะให้แข่งขันจัดหาให้ ปตท.ในฐานะ Single buyer ในขณะที่ การอนุมัติใบอนุญาต Shipper รายใหม่ของ กกพ.โดยไม่รอ มติ กพช. และ นโยบายจากกระทรวงพลังงาน ถือเป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อเปิดทางให้เจรจากับ ปตท.ในฐานะผู้ลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐาน

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า มติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2562 ที่มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ. )ไปทบทวนแนวทางการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และให้นำเสนอ กบง. และ กพช. พิจารณานั้น ทำให้การดำเนินการต่างๆตามนโยบายการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติ ที่เคยแบ่งเป็น 3 ระยะ นั้น ในส่วนของระยะที่ 2 และระยะที่ 3 จะต้องเป็นไปตามมติกบง.และ กพช.ที่คาดว่าจะมีการประชุมพิจารณาภายในเดือนก.ค. 2563 นี้

สำหรับการดำเนินการในระยะที่ 1 นั้นในมติ กพช.วันที่ 16 ธ.ค.2562 ได้มีการแก้ไขปรับปรุงในมติกพช.เดิม เมื่อวันที่ 31 ก.ค.2560 ที่ให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็น Shipper รายใหม่และจัดหาไม่เกิน 1.5 ล้านตันต่อปี ให้แล้วเสร็จภายในปี 2561 เปลี่ยนเป็นการ
นำเข้า LNG ในรูปแบบ Spot ไม่เกิน 200,000 ตันแทน ( ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2562 )

ซึ่ง กฟผ.ได้ดำเนินการนำเข้ามาแล้ว จำนวน 2 ลำเรือ ลำเรือละ 65,000 ตัน เมื่อปลายเดือน ธ.ค. 2562 และ ในข่วงกลางเดือนเม.ย.2563 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ผลจากการแก้ไขมติ กพช.ดังกล่าว ยังมีผลให้ กฟผ.ต้องยกเลิกการลงนามสัญญาการนำเข้า LNG ปริมาณไม่เกิน 1.5ล้านตัน เป็นระยะเวลา 8 ปี ที่ทาง ปิโตรนาสแอลเอ็นจี เป็นผู้ชนะประมูลด้วย

แหล่งข่าว กล่าวว่า การทบทวนแนวทางการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ ในระยะที่ 2 และ 3 ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ นั้น สนพ.กำลังพิจารณาในหลายทางเลือก เช่นจะให้เป็นระบบ Third Party Access -TPA ที่จะเปิดให้โรงไฟฟ้าใหม่ ที่ยังไม่ได้มีสัญญาก๊าซผูกพันกับปตท.สามารถจัดหาหรือนำเข้า LNG ได้เอง โดยมีค่าใช้จ่ายในการใช้ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ ทั้ง ท่าเทียบเรือ สถานีรับจ่าย โครงข่ายท่อส่งก๊าซ ในอัตราที่ทาง กกพ. เป็นผู้กำกับ

ซึ่งจะมีการเพิ่มจำนวน Shipper รายใหม่ๆเข้ามาในระบบ ให้เกิดการแข่งขัน (สอดคล้องกับมติ กพช.วันที่ 31 ก.ค.2560 ) โดยที่ ผู้ประกอบการเอกชนจะต้องมีส่วนรับความเสี่ยงในการจัดหาเชื้อเพลิงที่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70-80% ของต้นทุน โดยที่ต้องไม่ผลักภาระให้ผู้ใช้ไฟฟ้าในรูปของค่าเอฟที

หรือทางเลือก ที่จะให้ ปตท.เป็น Single Buyer ในการรับซื้อก๊าซในดีมานด์ใหม่เข้าสู่ระบบ เช่นเดียวกับโครงสร้างกิจการไฟฟ้า ที่ให้ กฟผ. เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าแต่เพียงรายเดียว โดยเปิดให้มีการประมูลแข่งขันระหว่าง shipper ที่ได้รับใบอนุญาตจากกกพ. รวมทั้ง ปตท. ด้วย

ซึ่งจะทำให้ได้ LNG จาก shipper ที่จัดหามาในราคาถูกที่สุด โดยในแนวทางนี้ จะไม่มีปัญหาเรื่องคุณภาพก๊าซ หรือ ค่า Wobbe index ในระบบท่อส่งก๊าซที่อาจกระทบกับกลุ่มลูกค้าเดิมของปตท. เพราะ ปตท.ยังเป็นผู้ดำเนินการระบบท่อส่งก๊าซและรักษาสมดุลของระบบท่อเช่นเดิม

แหล่งข่าว กล่าวด้วยว่า สำหรับการที่ กกพ. ออกใบอนุญาตเป็น shipper รายใหม่ ให้กับ กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และบริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง (HKH) ซึ่ง GULF ถือหุ้น 49% และกำลังพิจารณาให้ บี.กรีม. ด้วยนั้น ถือเป็นการให้เอกชนมีระยะเวลาในการเตรียมความพร้อม ส่วนในทางปฏิบัติว่าจะดำเนินการนำเข้าได้หรือไม่หรือในรูปแบบใดนั้น จะต้องรอดูความชัดเจนเรื่องนโยบายการเปิดเสรีก๊าซระยะที่ 2 จากมติ กบง.และกพช.ในเดือน ก.ค.นี้

(อ้อ … ในข่าวมีคำว่า Wobbe index เอาไว้จะมาอธิบายให้ฟังในโอกาสต่อไปล่ะกันครับ)

————————————-

ประเภทของบริษัท ในวงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (คลิป + script 2 ภาษา)

ประเภทของบริษัท ในวงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (คลิป + script 2 ภาษา)

• Facebook
• Twitter
• Line