Forum

Please or Register to create posts and topics.

Food Air and Water

การมาทำงานต่างที่ต่างถิ่นนี่ อาหาร อากาศ และ น้ำ ก็ไม่เหมือนที่เคยๆแบบบ้านเรา

ข้อดีของอาหารที่นี่ คือ ไม่ใส่ผงชูรส ทำให้แปลกลิ้นไปบ้าง บ้านเรานี่ อะไรๆก็ผงชูรส เลี่ยงยากมากๆ ต่อให้ทำกินเอง ก็ยังมีน้ำปลา ซอส ฯลฯ ที่ก็แฝงๆกันมา แต่ก็คิดในแง่ดี คือ ลดเกลือโซเดียม ตามที่ สสส. รณรงค์

รอบแรกๆที่มาก็ขนเครื่องปรุงต่างๆ และ อาหารสำเร็จรูป มาด้วย ซึ่งแน่นอนว่า อหารพวกนั้น เต็มไปด้วยผงชูรส สารกันบูด และ สารพัดเกลือ

สักพักคิดได้ว่าน่าจะถือโอกาสลดเค็มไปในตัว ก็เลยไม่ขนมาล่ะ หัดกินของที่เขามาให้กิน กินๆไปมันก็ เอ๊ะ อร่อยดีนี่นา ได้ รสชาติเนื้อ รสชาติไก่ แบบไม่ต้องมีผงชูรส

ส่วนเรื่องหมูก็ต้องทำใจล่ะครับ กลับไปนี่ หมูกะทะ ต้องมาเป็นมื้อแรกๆ (ถัดจากส้มตำ)

พูดถึงอากาศบ้าง อากาศที่นี่ ร้อนสุดขั้ว หนาวสุดขีด สไตล์ซาฮาร่า ร้อนหนาวนะไม่เท่าไร แต่ที่ไม่ถูกกับผิวชาวเอเชียอย่างเราๆมากที่สุด คือ ความแห้ง และ ระดับความเข้มของแสงแดด แบบนี้ก็ไม่ไหว นกไม่ทน ... ครีมเติมความชุ่มชื้น (moisturizer) ครีมกันแดด และ ลิปทางปาก กลายเป็นของจำเป็น ลองมาทุกยี่ห้อ สาวๆหลังไมค์มาได้ ถ้าอยากรู้ว่ายี่ห้อไหนใช้ได้ผล

น้ำ ... ที่นี่เราได้น้ำกินเป็นขวดๆ ได้มาเป็นแพ็คๆ ขวดใหญ่บ้างเล็กบ้าง มี 2 ยี่ห้อ สีฟ้า กับ สีชมพู ได้มาทีล่ะ 2 - 3 ลิตร ก็เป็นน้ำที่ดีครับ ได้มาตราฐานกระทรวงสาธารณสุขของประเทศนี้ แต่สำหรับท้องไส้ และ ลิ้นคนไทยที่ชินกับน้ำขวดจืดๆ จะรู้สึกว่าาน้ำขวดที่นี่กร่อย ครับ

 

ผมทราบจากเพื่อนบางคนที่อยู่บางแคว้นในเยอรมัน น้ำขวดที่ขายๆที่นั่นก็กร่อยเหมือนกัน แต่ก็ได้มาตราฐานสาธารณสุขของที่นั่นเช่นกัน

ถามว่าดื่มได้ไหม มันก็ได้แหละ เพราะถ้าบอกว่าไม่ได้ ก็จะมีคนถามว่า แล้วเขาอยู่กันมาได้ไงทั้งประเทศเป็นร้อยๆปีด้วยน้ำแบบนั้น ไม่เห็นมีใครเป็นอะไร ไตคนบ้านเขาก็ไม่ได้พังเร็วไปกว่าไตคนบ้านเราเพราะน้ำกร่อยแบบนั้น ... ก็จริงเนอะ แต่ผมแอบคิดว่า ชดเชยกันไหมกับอาหารเขาที่ไม่ใส่ผงชูรสไม่ใส่เกลือมาก แต่บ้านเราอาหารเค็ม+ผงชูรสเพียบ แต่น้ำเราจืด สุขภาพไตเลยเจ๊ากัน 555

อย่างที่ไฮเซนเบิร์ก ว่าไว้ ...

What we observe is not nature itself, but nature exposed to our method of questioning....

แปลเป็นเวอร์ชั่นทางธรรมะได้ว่า เราจะได้คำตอบแบบไหน ขึ้นกับว่าเราตั้งคำถามแบบไหน หรือ โลกให้เราเห็นอย่างที่เราตั้งคำถามถามโลก

เหมือนที่ผมเคยเสนอความเห็นส่วนตัวไว้ใน https://nongferndaddy.com/management-question/ ว่า เราตั้งคำตามแบบ "หาทางออก" หรือ ตั้งคำถามแบบ "พิสูจน์ทางตัน"

หลังจากมานี่รอบแรก ผมพบว่า น้ำกร่อย คำถามแรก คือ ผมดื่มได้ไหม คำตอบคือ ก็ได้นิ (เจอทางตัน จบข่าว ไปต่อไม่ได้) เพราะว่าไตผมไม่ค่อยดี ผมจึงเปลี่ยนคำถามไหม มีทางทำให้ไม่กร่อยได้ไหม (เจอทางออก ไปต่อได้) ...

รอบที่สอง ผมก็ขนเจ้ารูปข้างล่างนี่มาจากกทม. มันคือ เครื่องกลั่นน้ำขนาด 3.5 ลิตร ที่มักเห็นใช้ใน คลีนิคทำฟัน ร้ายปรุงยาแผนโบราณ หรือ สปาหรูๆ (ซื้อออนไลน์ ราคาพันต้นๆ https://raka.is/r/MqdO1 อ้อ สเป็กพี่สีบอกว่า ขนาด 4 ลิตร แต่ใส่ได้จริงๆ 3.5 ลิตร ครับ)

หลังจากกลั่นไป 2 ครั้ง (7 ลิตร) เกลือที่เห็นก็อย่างในรูปนั่นแหละครับ ถ้าสมมติว่าผมดื่มน้ำวันล่ะ 3 ลิตร คำนวนง่ายๆ ปริมาณเกลือที่ไตผมต้องกำจัดถ้าไม่กลั่นน้ำในการมาทำงานที่นี่ 28 วัน = 28 x 3 / 7 = 12 เท่าของปริมาณที่เห็นในรูป

ทำงาน 3 ปี 28/28 กลมๆ ก็ 18 รอบ ... 18 x 12 = 216 เท่า

เสียดายไม่มีเครื่องชั่งดิจิตอล ไม่งั้นจะเอามาชั่ง คำนวนเป็นน้ำหนัก จะได้ดูเป็นวิทยาศาสตร์ขึ้นอีกนิด

... ถ้าไม่กลั่น ผงขาวๆที่อยู่ในรูป ก็คงไปเป็นภาระของไตในการกำจัด

(log in แล้ว comment กันได้เลยครับ ถ้ายังไม่ลงทะเบียนก็ลงทะเบียนกันน้าาา แป๊บเดียว ใช้แค่ชื่อเล่น กับ password จะได้เม้าส์มอยกันได้)

log in

registration

The Sweet Girl

ของมือสองของเฟิร์นค่ะ มีหลายชิ้นเลย ราคาดีสุดๆ (คลิ๊กที่รูปนะคะ ลิงค์จะพาไปที่ร้านค่ะ)

Fern shop

--------- คลิ๊ก - The Sweet Girl ----------