Covid 19 impact on Global E&P FID (Final Investment Decision)

• Facebook
• Twitter
• Line

Covid 19 impact on Global E&P FID (Final Investment Decision) – ตอนที่แล้วได้คุยกันไปแล้วว่า เฮียโควิด 19 นี้ กระทบอะไรอย่างไรแค่ไหนกับอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตฯในบ้านเรา และ เราจะเอาตัวรอดกันได้อย่างไร

Covid 19 impact on Thailand E&P industry: How to survive

Covid 19 impact on Thailand E&P industry: How to survive

วันนี้จะมาชวนคุยกันแบบเจาะลึก เฉพาะเจาะจงลงไปว่ากระทบอย่างไรกับการลงทุนใหญ่ๆ

Covid 19 impact on Global E&P FID (Final Investment Decision)

ก่อนอื่น เรามารู้จักภาพใหญ่ๆกว้างๆของการตัดสินใจดำเนินการโครงการใหญ่ๆโดยทั่วไปก่อน

FID (Final Investment Decision)

เมื่อบ.ใหญ่ๆคิดจะทำอะไร ก็ต้องดีดลูกคิดล่ะว่าจะรอดไหม รอดแล้วกำไรแค่ไหน มีความเสี่ยงอะไรอย่างไร ลดความเสี่ยงได้อย่างไร สมมุติฐานในการคำนวนมีอะไรบ้าง ความแปรผันของตัวแปรต่างๆเป็นอย่างไร กรณีแย่สุด ผลลัพท์การลงทุนจะเป็นอย่างไร ฯลฯ

ทั้งหมดนั่น เรียกง่ายๆว่า “ศึกษา” (study) นั่นแหละ เสร็จแล้วทีมงานก็จะเอาไปขาย ขายใครล่ะ ก็ขายผู้บริหารที่มีอำนาจตัดสินใจว่าจะไปตามที่ทีมงานสรุปไหม ถ้าบ.ทำคนเดียวก็จบแค่นั้น แต่ถ้าเป็น อภิมหาโปรเจคที่ใช้เงินทุนเยอะๆ ก็มักจะมีบ.ร่วมลงขัน ก็ต้องไปเดินสายขายผู้ร่วมทุนทั้งหมด ว่าจะกอดคอไปด้วยกันไหม

สมมุติผู้ลงขันทั้งหมดบอกว่า เอาว่ะ กอดคอไปด้วยกัน จุดนั้นเราเรียกว่า project sanction (อนุมัติโครงการ) ที่เห็นออกข่าวในสื่อต่างๆก็อารมณ์ช๊อตนี้ จับไม้จับมือถ่ายรูปกันไรกัน ก็ขั้นตอนนี้แหละ

หลังจากอนุมัติ(ว่าจะทำ)โครงการแล้ว สิ่งที่มักจะตามมาคือ

1. การทำเรื่องขออนุญาติต่างๆกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ
2. เดินสายหาเงิน ผู้ลงขันทั้งหมดก็ต้องไปทำให้แน่ใจว่ามีเงินมาลงขัน ก็มีไม่กี่ทางหรอกครับ เช่น กู้จากภายนอกมาเฉพาะโปรเจคนั้นๆ (project finance) หรือ เอาเงินบ.เองนั้นแหละ ก็อาจจะแคะกระปุกเอาเงินเก็บมาใช้ กู้มา หรือ ไปบอกผู้ถือหุ้น ขอเพิ่มทุน ออกหุ้นเพิ่มไปขายในตลาด

สรุป หลังอนุมัติโครงงาน ก็มี 2 เรื่องที่ต้องทำ คือ ใบอนุญาติต่างๆ และ หาเงิน จะสังเกตุว่า ตอนนี้ยังไม่มีการสั่งซื้อของ หรือ จ้างผู้รับเหมานะครับ

เอาล่ะ พอมีใบอนุญาติ มีเงิน ก็พร้อมจะจ่ายตังค์จ้างคนโน้นคนนี้มาทำงาน ก็ต้องมาสุมหัวกันว่า เอาล่ะนะ ไปกันแน่ ขั้นตอนนี้แหละ เรียกว่า Final Investment Decision หรือ ที่เราเรียกกันทั่วไปว่า FID แปลว่า ตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย คือ จะจ้าง จะจ่ายตังค์จ้างผู้รับเหมาแล้วนะ

Covid 19

จากตอนที่แล้วเราทราบดีว่าบ.น้ำมันต่างๆจำเป็นต้องรัดเข็มขัด ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมอันเนื่องมาจากเฮียโควิด 19

การรัดเข็มขัด มันก็มี 2 กลุ่มใหญ่ๆ ค่าใช้จ่าย กับ การลงทุน …

ด้านค่าใช้จ่ายนั้น พวกเราก็คุ้นเคยกันดี และ คงโดนกันทั่วหน้ามากันแล้ว มากบ้างน้อยบ้างตามบุญวาสนา 🙂 ทั้งค่าใช้จ่ายลงทุน (CAPEX – Captital Expenditure) และ ค่าใช้จ่ายปฏิบัติการ (OPEX – Operation Expenditure)

ส่วนการรัดเข็มขัดลงทุนนี่แหละ ที่เรากำลังจะพูดถึงในตอนนี้ …

จากขบวนการตัดสินใจลงทุนที่อธิบายไป จะเห็นว่าโครงการที่ FID ไปแล้วนั้น ได้มีพันธะผูกพันทางกฏหมายกับคนนอก (ผู้รับเหมา) ไปแล้ว การยกเลิกนั้น ยากมากๆ ส่วนมากก็กัดฟันเลยตามเลย

โครงการที่พอจะรัดเข็มขัดได้ก็คือโครงการที่ยังไม่ FID หรือ ที่เราเรียกกัน pre FID project ซึ่งก็ทำได้ 3 อย่างคือ

1. ไปต่อแต่ลดขนาด
2. ยกเลิก หรือ
3. เลื่อนไปก่อน

ดัชนีความอู้ฟู่ของอุตสาหกรรมฯ

ในภาพใหญ่ๆของทั้งโลก ตัวเลขหนึ่งจะบอกว่าปีนี้ ปีหน้า อุตสาหกรรมเราเป็นอย่างไร ก็คือจำนวนโครงการ และ มูลค่าโครงการ (ของบรรดาหัวรถจักรใหญ่ๆ) ที่จะ FID ในปีนั้นๆ

2018 – 19 -20 FIDs

ขี้เกียจพล๊อตกราฟ ครั้นจะก๊อปกราฟมาแปะเดี๋ยวโดนลิขสิทธิ์ พิมพ์เอาล่ะกัน 🙂

• 2018 มี 54 FIDs
• 2019 มี 43 FIDs
• 2020
  • ก่อนเฮียโคมาเยี่ยม และ อูฐงอนหมีขาว คาดไว้ 50+ FIDs
  • พอเฮียโคมาเยือน และ อูฐทะเลาะกับหมีขาว
    • 7 FIDs look advantage (มีลุ้นไปต่อ) ส่วนใหญ่ก็จะเป็น 2 กลุ่มนี้
      • โครงการน้ำลึก (เช่น เกียน่า และ บราซิล)
      • พัฒนาแหล่งก๊าซป้อนโรงทำ LNG ที่มีอยู่แล้ว ไม่ต้องสร้างใหม่
    • 8 FIDs at risk (ลูกผีลูกคน)
    • 9 FIDs look unlikely (ปิ๋ว … ม้วนเสื่อกลับบ้าน)
    • 26 FIDs deferred (ปิ๋ว … เลื่อนไปปีหน้า หรือ อาจจะชาติหน้า 555)
    • 50-7-8-9-26  = 0 พอดีเลย
    • แต่ก็แอบหวังว่าปีนี้จะได้สัก 10 -15 FIDs
  • ความจริงคือผ่านมา 3 เดือนแรกแีนี้ (1 ไตรมาส) เพิ่งเห็น 2 FIDs

ถ้าเทียบบัญญัติไตรยางค์ ไตรมาสล่ะ 2 FIDs ปีนี้ก็ได้สัก 8 FIDs ก็บุญล่ะ

2018 – 19 -20 spending FIDs (committed investment)

• 2018 190 billion $
• 2019 100 billion $
• 2020
  • ขาใหญ่ (Shell Chevron Total Equinor) เมื่อปีที่แล้วบอกว่าปีนี้จะลงทุนรวมกัน 73 billion $
    • เจอเฮียโค หมีขาว และ อูฐ กัดกัน เข้าไปตอนนี้ยอดรวมลงทุนโดนปรับเหลือ 58 billion $ หายไป 20%
  • ผ่านมา 3 เดือนแรก (1 ไตรมาส) รวมทั้งโลกบ.น้ำมันทุกเจ้ารวมกัน เพิ่งเห็น 4.5 billion $

ถ้าเทียบบัญญัติไตรยางค์ ไตรมาสล่ะ 4.5 billion $ ปีนี้ก็น่าจะได้สัก 18 billion $

โครงการส่วนใหญ่ในปีนี้ที่ยังไม่ FID (pre FID) จะคุ้มการลงทุนถ้าราคาน้ำมัน (Brent) 50 $ แล้วดูราคา Brent ตอนนี้ดิ 25 $ จ้า … แล้วจะมีอะไรงอกมาให้ใช้จ่ายกันไหมเนี้ย

ที่มา … www.woodmac.com

ส่วนพี่ใหญ่ส.ผ.เราได้ข่าวว่าจะตัดค่าใช้จ่ายต่างๆ 30% และ เลื่อนการลงทุนใหญ่ๆออกไปก่อน ซึ่งก็ว่าไม่ได้ ราคาน้ำมันแบบนี้ ลงทุนไปก็ไม่คุ้ม อยู่เฉยๆ หรือ เลื่อนไปก่อน น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

สรุปว่า

ภาษาทางการ – ปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายอุตสาหกรรมของเราอีกปีหนึ่ง พวกเราจะต้องร่วมมือร่วมกัน ทำงานอย่ามีประสิทธิภาพให้มากขึ้น นั่นคือใช้ทรัพยากรน้อยลงโดยรักษาปริมาณผลงานเท่าเดิม

ภาษาบ้านๆ – กินแกลบอีกปีพี่น้อง 555 🙂

————————–

recta sapere

มีเพื่อนส่งมาให้ทางไลน์น่ะครับ พยายามหาต้นตอว่าใครเขียน แต่ก็หาไม่เจอ อ่านแล้วก็น่าคิดดีนะครับ

Darkest hour

ผมดูหนังเรื่อง darkest hour รอบที่สองใน netflix หลังจากที่เคยดูเมื่อปีที่แล้ว ความรู้สึกในการดูรอบที่สองต่างและอินกว่าดูรอบแรกมาก อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้บ้านเมืองเราและโลกอยู่ในช่วงเวลาที่เรียกว่า darkest hour ได้จริงๆ ใครที่เป็นผู้นำองค์กร หรือแม้แต่เจ้าของร้านที่อยู่ในช่วงมืดมนอนธกาล ผมแนะนำให้ดูหนังเรื่องนี้นะครับ

Darkest hour เป็นเรื่องของคุณปู่ วินสตัน เชอร์ชิลล์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษที่ต้องมานำประเทศในช่วงที่กำลังจะแพ้สงคราม ฮิตเลอร์กำลังบุกไปทั้งยุโรป ทหารอังกฤษส่วนใหญ่ก็ถูกปิดล้อมอยู่ที่ดันเคิร์กในฝรั่งเศส โอกาสรอดแทบจะเป็นศูนย์ แถมโดนพิษการเมืองเลื่อยขาอยู่เพราะฝ่ายตรงข้ามก็พยายามจะล้มเขาเพื่อจะหาทางเจรจาประนีประนอมกับฮิตเลอร์

หนังแสดงให้เห็นถึงความกังวล ความกลัวของเชอร์ชิลล์ ที่ต้องตัดสินใจในแผนที่เสี่ยงมากๆในการเสียสละกองพันที่มีจำนวนทหารหลายพันเพื่อถ่วงเวลานาซี และพยายามส่งเรือที่มีอยู่ทั้งหมดในอังกฤษไปรับทหารที่ดันเคิร์กกลับมาโดยโอกาสที่จะช่วยได้แทบจะไม่มี แต่ในที่สุดเชอร์ชิลล์ก็เรียกความมั่นใจจากการไปพูดคุย ฟังความเห็นจากคนธรรมดาในสถานีรถไฟใต้ดิน และกล่าวสุนทรพจน์ที่ว่ากันว่าเป็นสุนทรพจน์ที่เปลี่ยนฉากสงครามไปอย่างสิ้นเชิง ปลุกใจคนในชาติให้ลุกขึ้นสู้โดยไม่ลังเล ปิดหนทางอื่นไม่ให้มีทางถอย และทำให้คนในชาติร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ในวันที่มืดที่สุด ภาวะผู้นำ การตัดสินใจและการหลอมรวมทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นทางเดียวที่จะทำให้องค์กรหรือประเทศรวมตัวและเปล่งแสงสว่างสู้กับความมืดนั้นได้

……

คุณซิกเว่ เบรกเก้ อดีตซีอีโอดีแทคเมื่อสิบกว่าปีก่อน ปัจจุบันเป็นซีอีโอของเทเลนอร์ บริษัทโทรคมนาคมระดับโลก และเป็นเจ้านายเก่าผม เคยเผชิญสถานการณ์แบบนี้ที่อินเดีย หลังจากคุณซิกเว่จบภารกิจที่ไทย คุณซิกเว่ก็ไปเป็นซีอีโอที่บริษัท ยูนินอร์อินเดีย เป็นบริษัทโทรคมนาคมเจ้าเล็กและเป็นอันดับเก้าหรือสิบในอินเดียในตอนนั้น แถมเครือข่ายก็ไม่ดี สู้คนอื่นไม่ได้ คุณซิกเว่ก็อุตส่าห์ไปฝ่าฟันจนพอมีที่ยืนได้

แต่ก็มีเหตุการณ์รุนแรงไม่คาดฝันเกิดขึ้น บริษัทยูนินอร์ตอนนั้นมีปัญหากำลังจะโดนยึดใบอนุญาติคืน มีข่าวดังไปทั่วอินเดีย ลูกค้าขาดความเชื่อมั่น ยอดขายตกฮวบฮาบ คู่แข่งก็ออกมาโจมตี ปล่อยข่าวซ้ำเติม พนักงานอกสั่นขวัญแขวนจนไม่เป็นอันทำงาน ประกอบกับเครือข่ายที่ไม่ได้มีจุดเด่นอยู่แล้ว ทำให้ช่วงนั้นเป็นช่วงที่มืดมนสุดๆของบริษัท

ซิกเว่เคยเล่าไว้ว่า ในตอนนั้น พนักงานสองพันกว่าคน ตัวแทนจำหน่ายอีกหลายหมื่นคนกำลังอยู่ในช่วงสั่นคลอน ไม่มีใครรู้ว่าอีกไม่เดือนข้างหน้าเรายังจะได้ใบอนุญาติให้บริการได้อยู่รึเปล่า

ในการที่ต้องเรียกประชุมใหญ่และต้องเผชิญหน้ากับพนักงานหลังจากที่มีข่าวว่ากำลังจะถูกยึดใบอนุญาต ในตอนนั้นเป็นเวลาที่ยากที่สุดที่เขาเจอที่อินเดีย แล้วจะหาวิธี “เล่า” ให้เนียนๆ ปลอบอกปลอบใจกันแล้วบอกอ้อมๆยังไงว่าทุกคนอาจจะตกงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ซิกเว่บอกว่า วิธีที่ดีที่สุดคือไม่ต้องคิดว่าจะเล่าเนียนๆยังไง มีวิธีเดียวที่ผู้นำต้องทำคือบอกตรงไปตรงมา ไม่มีใครต้องการฟังนิยายเพ้อฝัน ไม่มีใครอยากได้ยินว่าเดี๋ยวมันก็ดีเองเพราะชีวิตจริงมันไม่ใช่ คำพูดสวยๆอาจจะทำให้ผู้นำเอาตัวรอดได้แต่มันไม่ได้ช่วยพนักงานให้เตรียมตัว มีแต่การพูดตรงๆ และมีแนวทางที่ชัดเจนเท่านั้นที่ควรทำ

หลังจากนั้นอีกไม่กี่อาทิตย์ ซิกเว่ก็ตระเวนคุยกับทุกคน บอกชัดเจน ตรงๆว่า เราจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ใบอนุญาตคืนมาให้ได้ แต่ไม่มีใครการันตีได้ และถ้าในอีกสี่เดือนเราทำไม่สำเร็จ ทุกคนก็ตกงาน และถ้าตอนนี้ใครจะไปหางานใหม่ก็ทำได้เลย เราเข้าใจกันและกัน พร้อมกับแบ่งงานชัดเจนพร้อมเป้าหมายว่าในสี่เดือนที่เหลือ ซิกเว่ต้องการขาย ขายและขาย คนที่มีหน้าที่ลุยขาย ทำการตลาดก็ทำเต็มที่ แบ่งกลุ่มคนเล็กๆที่เกี่ยวข้องพอไปลุยเรื่องใบอนุญาติ และทุกอาทิตย์ ซิกเว่ก็จะส่งข่าว ความคืบหน้าผ่านทุกช่องทางที่มีให้ทุกคน ทำเสมือนอยู่ในสงคราม

สี่เดือนผ่านไป ยูนินอร์ได้ใบอนุญาติคืน แต่ที่น่าทึ่งคือในช่วงสี่เดือนนั้น กลายเป็นว่ายอดขาย ส่วนแบ่งการตลาดกลับสูงขึ้นกว่าเดิม และที่สำคัญคือคนดีๆ เก่งๆ ไม่มีใครลาออกไปไหน

ซิกเว่สรุปว่า เพราะตั้งแต่แรก คนที่มาร่วมกับยูนินอร์มาด้วยจิตใจที่เป็นมวยรอง เป็นรองตั้งแต่แรกและพร้อมต่อสู้อยู่แล้ว ปัญหาเรื่องใบอนุญาตก็เป็นแค่อุปสรรคหนึ่งในหลายๆอย่าง และพอเราเคารพซึ่งกันและกัน บอกความจริงกัน การบอกความจริงตรงไปตรงมาเป็นหัวใจสำคัญเพราะพนักงานแข็งแรงกว่าที่เราคิด เขาสามารถรับความจริงได้ แต่ในการบอกความจริงไม่หมด หรือบอกกำกวมต่างหากที่ทำให้เขาจะไม่เชื่อผู้นำ ซิกเว่บอกว่าคำแนะนำจากประสบการณ์ที่เจอ darkest hour ของเขาก็คือ ต้องเชื่อและให้เกียรติพนักงานด้วยการบอกความจริงอย่างตรงไปตรงมา พนักงานเขารับได้และเขาจะตอบแทนกลับมาให้เราเอง

ผมมีคลิปวีดีโอตอนที่ซิกเว่กำลังเจอมรสุมเรื่องกำลังจะถูกยึดใบอนุญาติ แทนที่เขาจะนั่งเครียดอยู่ในออฟฟิศ เขากลับพาลูกน้องออกไปเดินฉลองทำพาเหรดไปตามท้องถนน ซิกเว่พูดในการประชุมพนักงานว่า ในช่วงวิกฤต เวลามีพายุมา คนส่วนใหญ่ก็จะหลบพายุ แต่มีเรามีทางเลือกอื่น พอพายุมาเราออกไปสร้างกังหันลม เอาพายุมาเป็นพลังงานแล้วสร้างพลังให้เราได้

เราจะเลือกที่จะหลบหรือจะสร้างกังหันลม? ซิกเว่พูดกับพนักงาน ในวันที่มืดมิดที่สุดของเขาที่อินเดีย

ว่างๆลองดูคลิปสร้างกังหันลมของซิกเว่กันนะครับ…

………………..

Success is not final, failure is not fatal. It is the courage to Continue that counts

Winston Churchill

• Facebook
• Twitter
• Line