ถ้าจะซื้อของออนไลน์จาก 2 เจ้านี้อยู่แล้ว คลิ๊กลิงค์ หรือ โลโก้ ข้างล่างนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯเล็กๆน้อยๆสมทบทุนจ่ายค่าเช่า host server ขอบคุณครับ

(ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่ใช่ลิงค์ดูดเงินแน่ๆ)

https://raka.is/r/qlzXR https://raka.is/r/gP7GV

ALARP – As Low As Reasonably Practicable เรียนรู้ผ่าน Covid 19

ALARP – As Low As Reasonably Practicable เรียนรู้ผ่าน Covid 19 – วันนี้ชวนกันมาเรียนเรื่องความปลอดภัยกันครับ

ก่อนอื่น … ขอออกตัวก่อนนะครับ ผมไม่ใช่เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยโดยตรง เป็นแค่ผู้นำเอามาใช้ ผ่านหลักสูตรต่างๆก็แค่เพียงพอที่จะนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าผมอธิบายผิดพลาดประการใด รบกวนท่านผู้รู้ชี้แนะด้วย น้อมรับคำชี้แนะและจะแก้ไขครับ

Covid drill Covid ERP ถึงเวลาแล้วหรือยัง ?

Covid drill Covid ERP ถึงเวลาแล้วหรือยัง ?

ALARP

As Low As Reasonably Practicable เรียนรู้ผ่าน Covid 19

ถ้าจะซื้อของใน shopee อยู่แล้ว เข้าทางนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯ ถือว่าช่วยผมจ่ายค่าเช่า host server ไม่ใช่คลิ๊กดูดเงินแน่นอนครับ ไม่ต้องกังวล

ความเสี่ยง (Risk)

ก่อนอื่นเลย เราต้องรู้จักกับความเสี่ยงก่อนว่ามันคืออะไร … ถ้ากูเเกิลจะพบว่ามีหลายคำนิยาม ขึ้นกับว่าจะมองมันมุมไหน แต่ผมของสรุปง่ายๆเวอร์ชั่นผมก็แล้วกัน

ความเสี่ยง คือ โอกาสที่จะเกิดความเสียหาย และ ปริมาณความเสียหายที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นภาษาคณิตศาสตร์ก็พูดง่ายๆคือ ผลคูณของโอกาสที่จะเกิดความเสียหายกับความเสียหายที่เกิดถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นๆขึ้น

เช่น … โอกาสที่ออกไปดูหนังในโรงแล้วติดเชื้อโควิด 19 คือ 50% และ ความเสียหาย คือ ค่ารักษาพยาบาล 5000 บาท ความเสี่ยงคือ 0.5 x 5000 = 2500 บาท

สังเกตุว่า ด้วยนิยามของผมนั้น ความเสี่ยงมีหน่วยเป็นหน่วยของความเสียหาย ซึ่งอาจจะเป็นจำนวนเงิน เวลา ชีวิต ปริมาณสารพิษที่รั่วไหล จำนวนปลาที่ตาย ฯลฯ

-------------------------------------------------------

ไม่พลาด ข่าวสาร บทความ ความรู้ ประกาศตำแหน่งงานว่าง และ อื่นๆ

กรอก ชื่อ และ อีเมล์ ในแบบฟอร์มข้างล่าง จะมีอีเมล์กลับมาให้ "ยืนยัน" นะครับ การสมัครจึงจะสมบูรณ์ ... อ้อ ... อย่าลืมดูใน junk, trash, spam box นะครับ บางทีระบบมันเอาอีเมล์ตอบกลับไปไว้ที่นั่น

จะมีอีเมล์กลับมาให้ "ยืนยัน" นะครับ การสมัครจึงจะสมบูรณ์ … อ้อ … อย่าลืมดูใน junk, trash, spam box นะครับ บางทีระบบมันเอาอีเมล์ตอบกลับไปไว้ที่นั่น แล้วอย่าลืม mark as not junk or spam ด้วยนะครับ เวลาส่งเตือนคราวหน้า จะได้ไปอยู่ใน in box :)

การลดความเสี่ยง

เมื่อนิยามความเสี่ยงเป็นแบบนั้น วิธีลดความเสี่ยงมันก็มีอยู่ 2 ทางใหญ่ๆ

ลดโอกาสที่จะเกิด

เช่น ลดเวลาอยู่ในโรงหนัง (ไม่ต้องรรีบเข้าโรงหนัง เข้าปุ๊บหนังฉายปั๊บ หนังจบรีบออกจากโรงเลย) ซื้อตั๋วมัน 9 ที่นั่งเลย แล้วนั่งตรงกลาง (เพื่อไม่ต้องนั่งติดใคร ซ้ายชวาหน้าหลังและเฉียงๆ) หรือ ไม่ออกไปดูหนังเลย ดูออนไลน์ที่บ้านแทน ฯลฯ

ลดความเสียหาย

เช่น ใส่อุปกรณ์ป้องกันหน้ากากอนามัย เอาเจล แอลกอฮอล์ ติดไปด้วย (กันเชื้อโรคออกไปให้ได้มากที่สุด ถ้ามีที่เหลือเข้าตัวเราจะได้ไม่มาก ป่วยน้อย อาการเบา รักษาง่าย ค่ารักษาไม่มาก) โอนความเสียหายโดยทำประกันสุขภาพเฉพาะโรค (จ่ายค่ารักษาเองน้อยลง) ฯลฯ

ราคาของการลดความเสี่ยง

จะเห็นว่าการลดความเสี่ยง ไม่ว่าจะลดในมุมของโอกาสที่จะเกิด หรือ ความเสียหายที่จะเกิด ต้องใช้เงินทั้งนั้น … ไม่มีของฟรี

คำถามคือ เราจะลดลงไปได้แค่ไหน …

Covid 19 ตระหนัก แต่อย่าตระหนก เบี้ยประกันโควิด 19 บอกอะไรเรา

Covid 19 ตระหนัก แต่อย่าตระหนก เบี้ยประกันโควิด 19 บอกอะไรเรา

Reasonably Practicable

“… in every case, it is the risk that has to be weighed against the measures necessary to eliminate the risk. The greater the risk, no doubt, the less will be the weight to be given to the factor of cost.”

Lord Justice Tucker …

(ในทุกๆกรณีมันคือความเสี่ยงที่ต้องถูกให้น้ำหนักเทียบกับมาตราการที่จำเป็นต้องใช้เพื่อกำจัดความเสี่ยงนั้น ยิ่งความเสี่ยงมาก ยิ่งต้องให้น้ำหนักราคาที่ต้องจ่ายน้อยอย่างไม่ต้องสงสัย … พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร)

ALARP มีที่มาจากกฏหมาย Health and Safety at Work etc. Act 1974 ของประเทศอังกฤษ ที่กำหนดให้มี Provision and maintenance of plant and systems of work that are, so far as is reasonably practicable, safe and without risks to health”

ที่กำหนดให้มี “บทบัญญัติ (ข้อกำหนด) และ การซ่อมบำรุง โรงงาน และ ระบบของการทำงาน ที่ปลอดภัย และ ปราศจากความเสี่ยงต่อสุขภาพ(ของคนงาน)อย่างมากเท่าที่มีเหตุผลในการนำไปปฏิบัติ”

นั่นแหละครับ คือที่มาของการลดความเสี่ยงลงจนต่ำลงเท่าที่มีเหตุผลและปฏิบัติได้ ALARP As Lowq As Resonably Practicable ที่ผมกำลังจะชวยคุยกัน

ตีความ Resonably Practicable

ถ้าคิดเร็วๆง่ายๆ ALARP ก็แค่ cost vs. benefit model ธรรมดาๆ แต่ในแนวคิดแล้วไม่ใช่ครับ

ผมชวนคิดง่ายๆแบบนี้ ให้มองเป็น “ความพยายาม” ทุกๆ 1 หน่วย “ความพยายาม” ที่ผมลงไปเพื่อลดความเสี่ยง จะเกิดผล 2 อย่าง

  1. ความเสี่ยงจะลดลง (ผลคูณที่ว่านั่น)
  2. ความพยายามที่ใช้เพิ่มขึ้น

ความพยายามคืออะไร …

ผมนิยามว่า ความพยายาม คือ ราคาที่จ่ายไปต่อผลประโยชน์ที่ได้

นั่นคือเอาราคาตั้งหารด้วยผลประโยชน์ที่ได้ ซึ่งอาจจะเป็นหน่วยเดียวกัน เป็นเงินทั้งคู่ เช่น บาท/บาท หรือ คนล่ะหน่วย เช่น บาท/ชั่วโมง ในกรณีที่ราคาที่จ่ายเป็นเงิน และ ประโยชน์ที่ได้เป็นชั่วโมง

เช่น (เอาตัวอย่างเดิมล่ะกัน) โอกาสที่ออกไปดูหนังแล้วติดเชื้อโควิด 19 คือ 50% และ ความเสียหายคือ ค่ารักษาพยาบาล 5000 บาท ความเสี่ยงคือ 0.5 x 5000 = 2500 บาท

สมมุติต่อ … ผมจ่ายค่าเงินค่าหน้ากากอนามัย 50 บาท ทำให้กรองเชื้อไวรัสโควิด 19 ออกไปบางส่วน แทนที่ผมจะอาการหนัก ผมก็อาการเบาลง ค่ารักษาต่ำลงเป็น 3000 บาท ผมไปทำงานได้ 2 วัน (แทนที่จะหยุด 14 วัน) … หรือ ประโยชน์จากการที่ความเสี่ยงลดลงนั่นเอง

  1. ความเสี่ยงจะลดลงเหลือ 0.5 x 3000 = 1500 บาท
  2. ความพยายาม = 50 บาท / 2 วัน (ที่ไปทำงานได้)

โดยธรรมชาติแล้ว เมื่อเพิ่มราคาไปเรื่อยๆ ผลประโยชน์จะมากตาม จนถึงจุดๆหนึ่งที่ ผลประโยชน์เพิ่มขึ้นเป็นอัตราที่น้อยลง (dispropotional) อะ ดูรูปๆ

ALARP

จะเห็นว่าช่วงแรกๆอัตราส่วนของราคาที่จ่ายกับผลประโยชน์ที่ได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย คือพอจะสมเหตุผลเป็นสัดส่วนกัน เช่น ใส่เงินลง 2 เท่า ชม.ทำงานผมเพิ่มเกือบ 2 เท่า 2 เท่าด้วย พอใส่เงินลง 3 เท่า ชม.ทำงานผมเพิ่มเกือบ 3 เท่าด้วย (ช่วงต้นๆที่เส้นข้างบนในกราฟเป็นเส้นตรง)

พอถึงจุดๆหนึ่งผมใส่เงินลงไปเยอะๆ แต่ประโยชน์ที่ได้เพิ่มจิ๊ดเดียว อัตราส่วนเลยพุ่งสูงชึ้นในช่วงท้ายๆ

พอเราเอาความเสี่ยงมาพล๊อตลงในกราฟเดียวกัน

ALARP

จะเห็นว่าความเสี่ยงต่ำสุดที่สมเหตุผลและปฏิบัติได้อยู่ตรงนั้นแหละ ตรงที่ประโยชน์ที่ได้มันขึ้นไล่ไม่ทันต้นทุนราคาที่จ่ายลงไป

แสดงว่า จ่ายราคาลงทุนลดความเสี่ยงลงไป ใช่ ถั่วต้ม เอ๊ยถูกต้อง ความเสี่ยงลดลงจริง ไม่เถึยง แต่ประโยชน์ที่ได้ (จากการลดความเสี่ยง) มันไล่ราคาที่จ่ายไปทันเสียแล้ว

การนำไปใช้

ประโยชน์ของแนวคิดนี้ก็คือ เราไม่ควรทุ่มราคา เงิน เวลา ทรัพยากร อื่นๆ อย่างไม่ลืมหูลืมตา เพื่อลดความเสี่ยง (ทั้งด้านโอกาสที่จะเกิด และ ความเสียหายถ้ามันเกิด) ต้องเอาประโยชน์จากการลดความเสี่ยงนั้นมาพิจารณาประกอบด้วย

โควิด 19

วันเสาร์สบายๆผมคิดเล่นๆ … ลองเอาข่าวต่างๆเกี่ยวกับโควิด 19 มามองในมุมของ ALARP บ้าง สัก 3 กรณี ผมจะไม่ลงตัวเลขนะ เดี๋ยวจะดราม่า เพราะตัวเลขในใจของแต่ล่ะคนก็ไม่เท่ากัน แค่ชวนคิดเทียบเคียงเฉยๆ

ขยายความอีกนิด … คำว่าต้นทุนราคาที่จ่าย ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเงินเสมอไป อาจจะเป็น เวลา ระยะทาง ความยุ่งยาก การเดินทาง(ที่เพิ่มขึ้น) แม้กระทั่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น ความสัมพันธ์(ที่แย่ลง)ของแฟน คนในครอบครัว หรือ เพื่อน ฯลฯ

ช้อนกลาง

แนวคิดของช้อนกลางดั้งเดิม คือ ป้องกันโรคติดต่อทางเดินอาหารจากการกินอาหารลงไปในท้อง (ไม่ใช่จากการสัมผัสด้ามช้อนกลาง 555) พอโควิด 19 มาก็สื่อสารกันใหม่ว่าทุกคนต้องมีช้อนกลางเป็นของตัวเอง (เพราะด้ามช้อนกลางเป็นของต้องห้าม)

สมมุติว่า บ้านหนึ่งมี 4 คน มื้อนี้มี กับข้าว 3 จาน กับ ข้าว 1 โถ (หรือหม้อ)

บางบ้านก็ง่ายๆ ช้อนไหนตักกับข้าวอะไรก็ใช้ตักกับข้าวอีกอย่างหนึ่งได้ ช้อนกลางเดียวตักมันได้ทุกจาน … ง่ายดี

แบบนี้ง่ายหน่อย 1 คนก็จะใช้ 2 ช้อน 1 ส้อม และ 1 ทัพพี (จะได้ไม่จับด้ามทัพพีเดียวกันไง มีกันคนล่ะทัพพีไปเลย) 4 คนก็ ใช้ 8 ช้อน 4 ส้อม 4 ทัพพี

แต่ถ้าบางบ้านวัฒนธรรมการกินเยอะหน่อย ช้อนกลางตักกับข้าวแต่ล่ะอย่างต้องเป็นคนล่ะคัน ตักกับข้าวอย่างหนึ่งแล้วเอามาตักกับข้าวอีกอย่างหนึ่งไม่ได้ (มีครับ ผมเคยประสบมาเอง)

แบบนี้จะเยอะหน่อย 1 คนก็จะใช้ 4 ช้อน 1 ส้อม และ 1 ทัพพี ถ้ามี 4 คนก็ ใช้ 16 ช้อน !!! 4 ส้อม 4 ทัพพี !!!

ต่อให้ตักกินตัวใครตัวมันแบบข้าวราดแกงก็ต้องใช้จำนวนเท่านี้ เพราะแนวคิดคือไม่ให้ใครจับด้ามช้อนด้ามทัพพีของใครเลย และ ห้ามใช้ช้อนกลางแต่ล่ะคันเฉพาะกับข้าวแต่ล่ะอย่าง ยกเว้นแต่จะให้คนเดียว ตักแจกทุกคน แบบนี้ก็จะลดความยุ่งยากและลดจำนวนช้อนจำนวนทัพพีลง

ทุกคนมีแก้วน้ำเป็นของตัวเองแบบสมัยออกค่ายลูกเสื้อเนตรนารี แต่พอกินข้าวเสร็จ มาจับขวดน้ำเดียวกันรินใส่แก้วของแต่ล่ะคน อ้าว จับขวดน้ำเดียวกันอีก งั้น ก็ต้องมีขวดน้ำของใครของมัน (เพิ่มจากแก้วประจำตัวคนล่ะใบ)

ด้วยแนวคิดเดียวกัน … เพื่อไม่ให้มีสื่อกลางส่งต่อโควิด 19 ก็ต้องมีลูกบิดประตู มือจับหน้าต่าง มือจับตู้ ฯลฯ เท่ากับจำนวนคนในบ้าน ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้ (คงตลกถ้าประตูบานหนึ่งมีลูกบิด 4 ลูกบิด 555) งั้นตกลงกันในครอบครัวว่าจะเอาแอลกอฮอล์เล็กๆแขวนเอาไว้แล้วเอาแอลกอฮอล์เช็ดทุกครั้งที่จับลูกบิดและมือจับต่างๆ … ฯลฯ

ผมแค่มโนเล่นๆน่ะครับว่า เราจะขยายการลงทุนลดความเสี่ยงครั้งนี้ไปแค่ไหน

ALARP มันอยู่ตรงไหน แน่นอนว่า ALARP ของแต่ล่ะคนไม่เหมือนกัน อยู่คอนโดฯคนเดียวก็แล้วไป แต่ถ้ามาอยู่ในบ้านเดียวกันแล้วมันต้องมีข้อยุติ ไม่งั้นเถียงกันตายว่าจะหยุดกันที่ไหน

จะเห็นว่าในกรณีนี้ ต้นทุนราคาไม่ใช้เป็นตัวเงิน แต่เป็นความยุ่งยาก ความซับซ้อน ความลำบากในการใช้ชีวิตร่วมกัน

เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ สบู่ น้ำยาฆ่าเชื่อ(ราคาแพง) ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน

ทั้งหมดนั้นได้ผลเหมือนกันคือฆ่าเชื้อไวรัสได้ (บางอย่างอาจจะใช้เวลาหน่อย แต่ก็ไม่ได้ใช้เวลาต่างกันมาก) แต่ราคาไม่เท่ากัน

ALARP

กรณีนี้มีผลต่อเส้นความพยายาม (cost/benefit) เส้นเดียว เส้นความเสี่ยงลดลงพอๆกัน (เพราะฆ่าเชื้อได้ดีพอๆกันถ้าใช้ถูกวิธี) แต่เส้นความพยายามจะต่างกัน เพราะราคาต่างกัน จุด ALARP ของที่ราคาถูกว่าก็จะอยู่ต่ำกว่า

พูดภาษาบ้านๆคือ คุ้มกว่า จ่ายน้อยกว่า ลดความเสี่ยง และ ได้ประโยชน์จากการลดลงของความเสี่ยงเท่าๆกัน

หน้ากากอนามัย

ราคาหน้ากาอนามัยในยามขาดแคลนก็แปรไปตามอุปสงค์อุปทานในตลาด คุณภาพก็แปรไปตามกัน ก็เห็นหลายคนอุตส่าห์ใช้เส้นสาย ฝากซื้อ ฝากขอ แต่พอใช้ก็นะ ใช้ผิดไปหมด ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา นอกจากสบายใจว่า ชั้นมีใช้

ใช้หน้ากาอนามัยธรรมดาๆราคากลางๆหรือแม้แต่หน้ากากผ้า แต่ใช้ และ บำรุงรักษาให้ถูกวิธี cost/benefit น่าจะมากกว่าเอาของดีๆแพงๆมาใช้ผิดๆ จุด ALARP ก็จะต่ำลงโดยไม่ต้องทุ่มเงินลงไปมาก

ตัวอย่างนีัจะมีผลต่อทั้งสองเส้น ความเสี่ยง และ ความพยายาม

ALARP

หน้ากากอนามัยเกรดดีๆ ใช้ให้ถูกวิธี ก็ย่อมลดเส้นความเสี่ยงได้เยอะกว่า แต่ราคาก็สูงกว่าตามกัน ผลอาจผล ALARP จะเจ๊ากันก็ได้

แต่ถ้าใช้ของแพงของดี แต่ใช้ไม่เป็น เส้นความเสี่ยงไม่ได้ลดลงเลย แต่เส้นความพยายามเพิ่มขึ้นตามปกติเพราะราคาสูง แบบนี้เรียกว่า ใช้เงินไม่เป็น ไม่คุ้ม

ตรงข้าม … ใช้ของราคาปานกลาง แต่ใช้ให้ถูกวิธี เส้นความเสี่ยงลดลง แม้ไม่มาก แต่ก็ลด และ เส้นความพยายามก็ไม่สูง เพราะราคาไม่แพง โดยรวมๆแล้ว จุด ALARP อาจจะต่ำสุดเลยก็ได้ในกรณีนี้

สรุป

ผมอาจจะผิดในรายละเอียดของการคำนวน แต่แนวคิดก็จะประมาณนี้ แน่นอนว่า ไม่ทุกอย่างที่เราสามารถวัดเป็นเชิงปริมาณได้ แต่อยากให้พวกเราจำแนวคิด (concept) เอาไว้

อย่าลงทุนลดความเสี่ยงแบบไม่ลืมหูลืมตา อย่าคิดแต่จะลดความเสี่ยงโดยเอาความเสี่ยงเทียบกับราคา หรือ ผลประโยช์เทียบกับราคา อย่างเดียว

วิธีที่สะท้อน ALARP ได้ดีกว่า คือ ต้องดู 3 สิ่งอย่าง (ความเสี่ยง ต้นทุนที่ใช้ลดความเสี่ยง และ ประโยชน์ที่ได้จากความเสี่ยงที่ถูกลดลง) ไปพร้อมๆกัน

สุดท้าย … มีสติให้มากๆ ตระหนัก แต่อย่าตระหนก อย่าให้ความตะหนกชี้นำการตัดสินใจของเรา และ ล้างมือบ่อยๆนะครับ … 🙂

โอกาสเป็น ถ้าตรวจเจอ โอกาสตรวจเจอ ถ้าเป็น เท่ากันไหม ? รู้ให้จริง

โอกาสเป็น ถ้าตรวจเจอ โอกาสตรวจเจอ ถ้าเป็น เท่ากันไหม ? รู้ให้จริง

 

ถ้าจะซื้อของออนไลน์จาก 2 เจ้านี้อยู่แล้ว คลิ๊กลิงค์ หรือ โลโก้ ข้างล่างนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯเล็กๆน้อยๆสมทบทุนจ่ายค่าเช่า host server ขอบคุณครับ

(ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่ใช่ลิงค์ดูดเงินแน่ๆ)

https://raka.is/r/qlzXR https://raka.is/r/gP7GV

--- มีคำถามเพิ่มเติม พูดคุย เม้าส์มอย ไปต่อกันได้ที่กระดานสนทนา (webboard) นะครับ

คลิ๊กเลย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

The Sweet Girl

ของมือสองของเฟิร์นค่ะ มีหลายชิ้นเลย ราคาดีสุดๆ (คลิ๊กที่รูปนะคะ ลิงค์จะพาไปที่ร้านค่ะ)

Fern shop

--------- คลิ๊ก - The Sweet Girl ----------