Wireline Field Engineer Interview Schlumberger 3 ประสบการณ์

• Facebook
• Twitter
• Line

Wireline Field Engineer Interview Schlumberger 3 ประสบการณ์ – น้อง 3 คน มาเล่าให้ฟังว่า เจออะไรกันมาบ้าง เก็บเกี่ยวกันไปนะครับ ประสบการณ์เหมือนได้ไปนั่งอยู่ในห้องสัมภาษณ์เอง

เรียนรู้กันไป เอาไปใช้ให้เป็นประโยชน์ แล้วอย่าฃลืม ตอบแทนด้วยกัน แบ่งปันกันต่อๆไป pay it forward

คัดมาเป็นน้ำจิ้มตอนหนึ่งที่น้องคนหนึ่งมาเล่าให้ฟัง อย่างฮา (แต่มีสาระ และ บทเรียนนะครับ)

“ทำงานที่นี่ตั้งเเต่ construction commissioning ยัน start up plant กับต่างชาติ เเละไทย มันมีความกดดัน มีความผิดพลาด การเมือง ผลเเล็ปผิด ตัวอย่างหาย อุปกรณ์พัง (ห่าเอ๊ย กูผ่านมาได้อย่างไร? ) หนูขอพูดหยาบบ้างนะพี่ พูดเเล้วมันขึ้นจริงๆ! 5555

เเบบมันเยอะมาก ระบบทุกอย่าง ตั้งเเต่เลือกสีกระเบื้อง ยัน ทำ procedure ทำมันทุกอย่างเลยอะพี่

หนูเคยโดนด่าเเบบตวาดกลางคอนโทรลรูม กลางทีมงานของเรา เเล้วเราต้องอดทนมาก ไม่ร้องไห้ตรงนั้น เก็บอาการ คุยด้วยเหตุผลให้จบตรงนั้นด้วยดีที่สุด (เเอบไปร้องไห้ในห้องน้ำชายเพราะห้องน้ำหญิงถูกซ่อมอยู่ เเล้วร้องๆอยู่มี operator มานั่งอึห้องข้างๆ มันช่างเป็นฟิลที่บอกไม่ถูกจริงๆ หมดอารมณ์ร้องไห้เลยคะ 5555)”

ขั้นตอนการรับสมัคร Wireline field engineer (รุ่นไดโนเสาร์) Schlumberger

Wireline Field Engineer Interview

ขั้นตอนการรับสมัคร Wireline field engineer (รุ่นไดโนเสาร์) SLB

Wireline Field Engineer Interview Schlumberger

3 ประสบการณ์

สัมภาษณ์ Wireline Field engineer ของ Schlumberger กรกฏาคม 2012

สมัครไว้ในตำแหน่ง Field engineer น่ะครับ วันนี้ก็ไปตั้งแต่ 8 โมง

เค้าก็ให้ชม presentation ของบริษัทครับ หลังจากนั้นใครมีคำถามอะไรก็ถาม จากนั้นก็แนะนำตัวเองครับ 3 นาที พร้อมทั้งข้อดีข้อเสียอย่างละ 3 ข้อ และ บอกด้วยว่าเพราะอะไรถึงอยากทำที่ SLB (ท่องไปเลยครับ เอาซะคล่องเลย 55)

เสร็จจากนั้นก็เป็นกิจกรรมกลุ่ม (เป็นคำที่ฟังแล้วขนลุกมากๆ) กลุ่มละ 6 คน โจทย์ก็คือให้สร้างเรือครับ โดยให้ใช้อุปกรณ์ที่กำหนดให้ พร้อมทั้งให้เลือก 4 จาก 10 อาชีพ ขึ้นเรือ (เหมือนกับคนก่อนๆที่เคยโพสไว้ในนี้อ่ะครับ)

แต่โหลดวันนี้เปนแท่งดินน้ำมัน 4 อัน และ บวกคะแนนพิเศษตามจำนวนลูกกอร์ฟที่วางได้ เค้าบอกว่าคิดว่าวางได้เท่าไหร่ให้ใส่ไปแต่ห้ามจม

พวกผมใส่กันซะจมเลยครับ 555 (พร้อมโดนด่าไปอีกหนึ่งที) หลังจากนั้นกรรมการก็มีคำถามครับ ถามเรียงคนเลย

• -ใครออกแบบ
• -คิดว่าจะปรับปรุงยังไง
• -ใครมีหน้าที่อะไร
• -ถ้างานหน้าให้ทำได้ 5 คน จะเอาใครออก (ได้ยินแล้วขนลุกทันที)

หลังจากนั้นก็ประกาศผลครับ

ได้ผ่านด้วยครับ ดีใจมาก (แต่จังหวะนั้นดีใจไม่ได้เพราะมีเพื่อนๆตกกันหลายคน) มีคนนึงไม่น่าตกครับ ทำงานเก่ง ตอบคำถามก็ดี แต่เหมือน เวลาพี่เค้าตอบเสียงไม่ค่อยชัด

ผมคิดว่ากรรมการอาจจะมองว่าไม่ค่อยมีความมั่นใจก็เป็นได้ ก็ฝากกันไว้ครับ

หลังจากนั้นเค้าก็เลือกแผนกให้แต่ละคนครับ เค้าบอกว่าเค้าเลือกให้แบบสุ่ม ผมล่ะงงจริงๆ ส่วนผมนั้นได้นัดสัมภาษณ์กับแผนก Wireline ในวันรุ่งขึ้น

26/7/2012

ผมไปก่อนเวลาประมาณครึ่ง ชม ครับ

เนื่องจากอ่านในบล๊อกนี้ว่าแผนก wireline สัมภาษณ์คุยเรื่องทั่วๆไป ไม่โหดมาก ผมเลยเตรียมไว้แค่ดู resume ตัวเอง กับ อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับ wireline ไป

พอไปถึงที่ห้องสัมภาษณ์ พี่เค้าก็แนะนำตัวให้ฟัง เป็นคนไทยน่ะครับ ตอนแรกก็คุยไทยกันประมาณ 5 นาที ถามว่าเมื่อวานเป็นไงมั่ง อะไรประมาณนี้

หลังจากนั้นก็เข้าสู่โหมดภาษาอังกฤษ เท่านั้นแหละครับ พี่เค้าถามแบบค่อนข้างจี้ และ กดดันมาก

เราตอบอะไรไปย้อนเรากลับหมดเลย ผมก็ยิ่งตื่นสนามเข้าไปใหญ่ ยิ่งตื่นเค้าก็ยิ่งรุกหนักอีก จนสุดท้ายเค้าให้ case study มาอันนึงแล้วถามเราว่าจะจัดการอย่างไร ซึ่งค่อนข้างตอบได้ยากมาก พอสัมภาษณ์เสร็จกลับสู่โหมดภาษาไทยอีกครั้งครับ (จนจบยังไม่มีอะไรเกี่ยวกับ wireline เลย 55)

case study

“สมมุติว่าผมเป็น Manager ของทีม มีลูกน้องสามคน เป็น wireline operator

หนึ่งในนั้นเป็นผู้อาวุโสของทีมมีความเชี่ยวชาญมาก แต่เค้าคนนั้นทำสิ่งที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับตัวเค้าเอง

ผมจึงเข้าไปเตือนเค้า เค้าตอบกลับมาว่า ผมทำงานนี้มาตั้งแต่ก่อนคุณจะเกิดอีก ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นกับผมเลย ทำไม่ผมต้องเชื่อคุณ (คนสัมภาษณ์ตั้งใจจะบอกว่าทำยังไงคนนี้ก็ไม่ยอมฟังเรา) และ ถ้าขาดเค้าคนนี้ไปในการทำงาน จะทำให้งานล่าช้าไปอีกเป็นเวลา 2 เท่า เพราะคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญ และ บริษัทต้องเสียค่าปรับมหาศาล”

จากสถานการณ์ข้างต้นจะแก้ไขปัญหาอย่างไร

(คำถามพวกนี้เป็นคำถามกดดันครับ ได้อย่าเสียอย่าง ตอบยังไงก็เสีย แต่เราต้องมีหลักยึดที่สำคัญมากๆไว้ในใจว่า safety first และ safety ไม่สามารถต่อรองได้ “safety can’t be compromised” วิธีรับมือกับปัญหา (ไม่ใช่แก้ปัญหา เพราะมันแก้ไม่ได้) และ ที่สูญเสียน้อยที่สุดคือ อธิบายให้คนๆนี้อีกครั้ง อย่าช้าๆใจเย็นๆนิ่งๆในตอนที่เขาสงบๆ

ถ้าให้ดีมีลูกทีมหรือเพื่อนร่วมทีม(ถ้าหน.ทีมเราด้วยยิ่งดี)อยู่ด้วย ทำเป็น spot safety meeting หรือ JSA คือ job safety assessment

เสร็จแล้วจดบันทึกไว้ว่าเราคุยอะไรกันไปบ้าง ย่อๆ ว่าอะไรทำได้ทำไม่ได้ควรทำไม่ควร แล้วให้ทุกคนเซ็นต์ชื่อ โดยที่เราไม่ไปมุ่งเน้นที่คนๆนั้น คนๆนั้นก็เป็นหนึ่งคนในทีมที่เข้า JSA เสร็จแล้ว ส่ง JSA ไปให้หัวหน้าทางเมล์ หรือ แฟกซ์อะไรก็ว่าไป

กรณีที่บอกไปข้างบนคือรู้ก่อนเริ่มงาน แต่ถ้าเกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน ก็ใช้ stop work คือ ทุกบ.โดยเฉพาะ SLB มี stop work policy คือ ถ้ามีเหตุการที่วิศวกรหรือใครก็ตาม(แม้แต่ผู้ช่วยงานตัวเล็กๆ)เห็นว่าไม่ปลอดภัย มีสิทธิ์ที่จะหยุดการทำงานนั้นได้ทันที โดยมีเอกสิทธิ์คุ้มครองว่าไม่โดยเอาผิด และ ทำ JSA ณ.จุดเกิดเหตุหรือจุดที่คาดว่าจะเกิดเหตุทันที โดยไม่คำถึงถึงความเสียหายทางการเงิน

ถ้าคนๆนี้ยังไม่ฟัง คุณในฐานะวิศวกรผู้มีอำนาจเต็มจากบ.สามารถสั่งปลดหรือส่งกลับคนๆนี้ขึ้นฮ.ลำแรกได้เลย

ส่วนงานล่าช้า 2 เท่า กับ ค่าปรับมหาศาล ช่างมันครับ บ.SLB มีนโยบายเรื่องนี้ชัดมาก คุณได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองแน่ๆ แต่ก่อนที่คุณจะใช้ดาบอาญาสิทธิ์เล่มนี้ คุณต้องแม่นในนโยบายทุกข้อก่อนนะครับ และ ไม่ต้องห่วงว่าคุณจะไม่แม่น เพราะกว่าบ.จะให้คุณถือดาบอาญาสิทธิ์นั้น ขั้นต่ำคุณต้องผ่านด่านอรหันต์ training school ซะก่อนครับ

… แต่สมัยนี้ต่างกับสมัยผมมากตรงที่มีการสื่อสารที่ดี วิ่งไปห้องวิทยุ อีเมล์ หรือ โทรฯเข้ามือถือบอกหน.ก็จบเรื่อง โดยภาระให้หน.ตัดสิน ฮ่าๆ … สมัยผมน่ะ ไม่มีอะไรเลย โชว์เดี่ยวกันประจำ วิศวกรสนามสมัยนี้จะว่าไปก็อ่อนลงไปเยอะ เนื่องจากการสื่อสารที่ทันสมัยสะดวกสบายนี่แหละเป็นตัวการหนึ่ง … พี่นก)

สัมภาษณ์ wireline field engineer ของ schlumberger ค่ะ

สมัครไว้ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2016 (ไปเห็นมันขึ้นมา urgent ใน jobsdb เลยรีบสมัครค่ะ)

เราสมัครเข้าไปทาง website หลังของ schlumberger เลยค่ะ กลัวเมลล์มันตกหล่น จริงๆตอนสมัคร มันเป็น field engineer ด้วยความที่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ ก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ 555

ลืมบอก เราเพิ่งจบ ป.โท nuclear eng จุฬาค่ะ เป็นผู้หญิง แถมยังไม่มี ปสก. เลยด้วย คะแนนโทอิคก็น้อย เลยไม่คิดว่า resume จะผ่านแล้วทาง schlumberger จะเรียกจริงๆนะ

ทีนี้ จู่ๆวันที่ 10 ตุลาคม ก็มีโทรศัพท์โทรมาจาก Malaysia เรายังคิดเลยว่าโทรผิดคนรึเปล่า สรุปว่าเป็น schlumberger โทรมา และ สัมภาษณ์รอบ 1 ทางโทรศัพท์ทันที ยังไม่ทันตั้งสติเลย 55

คำถามก็จะทั่วไปค่ะ

• ว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง
• ทำไมถึงทำล่ะ
• ถามเกี่ยวกับครอบครัว
• ถามเรื่องอนาคตอีก 5 – 10 ปีข้างหน้า
• ถามเกี่ยวกับสาขาที่เรียน
• ทำไมถึงเลือกเรียน

แล้วก็นัดให้เข้าไปที่ตึกรสา ในวันต่อมาทันทีเลย (11 ตุลาคม) พร้อมกับให้เอาเอกสารที่จำเป็นเข้าไปด้วย

เราก็รีบหาข้อมูล เตรียมตัว คิดว่าต้องเจอ activity group แน่ๆเลย สรุปว่า คิดผิดมาก

วันที่เขาเรียกเราเข้าไปสัมภาษณ์ 11 ตุลาคม (นับว่าเป็นรอบที่ 2 นะคะ) มีแค่เราคนเดียวที่เข้าไปวันนั้น ไม่เจอคนอื่นเลย แล้วก็นั่งสัมภาษณ์กับ hr คนไทยพร้อมกับ vdo call กับ hr จาก Malaysia ที่โทรมาหาเราก่อนหน้านี้ไปด้วย ใช้เวลาคุยไปประมาณ 1 ชม. ครึ่ง

• ให้แนะนำตัว ครอบครัว
• ข้อดีข้อเสียของตัวเอง
• งานอดิเรก
• พูดคุยเรื่องประสบการณ์ตอน ป.ตรี-โท
• เขาถามว่า รู้มั้ยว่านี่คืองานอะไร ทำอะไรบ้าง และทำที่ไหน (แนะนำให้หาข้อมูลมาให้ดีนะคะ)

แล้วก็นั่งทำข้อสอบค่ะ แบ่งเป็นพื้นฐานภาษา คณิต ฟิสิกส์ ฟิสิกส์กำลัง ตรรกะทั่วไป ใช้เวลาทั้งหมด 1 ชม. 45นาที ค่ะ ข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดนะคะ เขาให้เราเตรียมเครื่องคิดเลขมาเองค่ะ โดยทาง hr บอกว่าถ้าผ่าน จะติดต่อกลับมาภายใน 7 วันค่ะ

เราก็ไม่เชิงว่ารอค่ะ พลาดงานมาหลายที่ เลยสมัครที่อื่นไปเรื่อยๆ หาอะไรทำเพลินๆ พี่ที่เป็น hr โทรมาหาเราวันที่ 13 ตุลาคมค่ะ (ผ่านไป 2 วันเอง)

โทรมาประมาณเกือบๆ 6 โมงเย็น ให้เข้ามาที่ตึกรสา ช่วงบ่ายวันรุ่งขึ้น เราก็เลยรีบหาข้อมูลอ่านเพิ่ม

อีกชั่วโมงกว่าต่อมา ทีวีก็ฉายภาพสีขาว-ดำ เปิดเพลงเศร้า นักข่าวอ่านแถลงการณ์จากสำนักพระราชวัง เราเศร้าค่ะ แต่นั่งร้องไห้ได้แค่แป๊ปเดียว รีบเตรียมเสื้อผ้าชุด เตรียมอ่านที่จะต้องใช้ตอนสัมภาษณ์ หาข้อมูลเผื่อว่าเป็น activity group ด้วย

วันที่ 14 ตุลาคม รอบนี้ที่เรียกเข้ามาเป็นการสัมภาษณ์ (นับเป็นรอบ 3) กับ hr ชาวต่างประเทศค่ะ

เขาบอกเราว่าเขารู้สึกเสียใจที่ต้องเรียกเรามาสัมภาษณ์ในสภาวะที่บ้านเมืองเพิ่งผ่านวันวิปโยคมา มองไปรอบๆ มีแต่คนใส่ชุดขาวดำ เราบอก เราต้องทำเต็มที่ ชีวิตต้องดำเนินต่อไปค่ะ

• เริ่มจากให้แนะนำตัว
• เล่าเรื่องครอบครัวของเรา
• งานอดิเรก
• ข้อดี ข้อเสีย
• แล้วเขาก็จะถาม ว่าเรามีคนที่รู้จักทำงานในนั้นมั้ย (ไม่มีเลยค่ะ555)
• รู้มั้ยว่างานเป็นยังไง ให้เราอธิบาย คร่าวๆให้ฟัง ซึ่งมันคือ wireline engineer ทำงานใน gulf of Thailand ค่ะ

และเขาก็บอกว่า เรารับได้แค่ไม่กี่คน แต่เรามีคู่แข่งเยอะ หวังว่าเราจะเข้าใจบริษัทเขานะ และ มันเป็นงานที่เร่งด่วนจริงๆ เขาก็ขอโทษเราอีกรอบนึงที่เรียกมากะทันหันแบบนี้

และถ้าผ่านการคัดเลือกรอบนี้ จะเป็น field exposure หากผ่านการประเมินก็จะเป็นการ เทรนงาน และถ้าผ่านทั้งหมด เราต้องไปทำงานที่อ่าวไทยนะ โดยทาง schlumberger บอกว่าถ้าได้ผลการคัดเลือกแล้ว จะติดต่อมา asap ค่ะ ตอนนี้กำลังรออยู่ค่า

Wireline Engineer Interview ปี 2016

สวัสดีคะ พี่นก

หนูเห็นหลายคนเเชร์ประสบการณ์สัมภาษณ์ชลัม ก็อยากมาเเชร์ๆกันบ้างคะพี่

เมื่อ 2 ปีก่อนหนูเคยมาปรึกษาพี่เเบบเเว็บๆ (สัมภาษณ์ฝึกงาน ขอบคุณพี่มากๆเลยคะ /หนูไม่ผ่านในรอบนั้น เเหะๆ)

หนูมีโอกาสได้สัมภาษณ์ 2 ครั้ง

ครั้งเเรกสัมภาษณ์ฝึกงาน ไม่ผ่านคะ เเต่พอรับรู้บรรยากาศ มาเล่าสู่กันฟัง

• – ใครควรเป็นผู้นำ?
• – ใครควรถูกกำจัด? (Realityไปไหนนนน ???)

ตอนนั้นคือตื่นเต้นมาก เเม้ว่าจะหาข้อมูลจากเว็บของพี่นกมาเเล้ว เเต่ก็ไม่ได้เตรียมตัวให้ดีพอเลย (ไม่น่ารักนะคะ โปรดอย่าทำตาม เตรียมตัวไปดีๆเถอะ จะได้ไม่เสียใจภายหลัง) ทั้งภาษาตอนทำกิจกรรมกลุ่ม คือ พอเราติดๆขัด เราเริ่มสูญเสีญความมั่นใจ เราเริ่มไม่ enjoy กับมันละ เริ่มคิดเเง่ร้ายว่า ทำไม่ได้หรอก ยังโง่คิดว่าตัวเองเก่งอยู่พี่ อยู่ในกะลาสุดๆ ( bad attitude นะคะทุกคนนนนน)

ผล; ตกรอบสิคะ รออัลไลลล !!!???

……… ขอวิเคราะห์จากความทรงจำ + อายุงานอันน้อยนิด หลังเรียนจบนะคะพี่

หนูคิดว่า activity เเละ การเเนะนำตัว นี้ มันวัดหลายอย่าง

การเตรียมตัว ความมุ่งมั่น ความเป็นผู้นำ ความมั่นใจ ทักษะ ทางวิศวกร ความฉลาดทางอารมณ์ การบริหารเวลา ทักษะการโน้มน้าว เเละทักษะการพูด (เพื่อรักษาน้ำใจ เพื่อโน้มน้าว)

เมื่อก่อนหนูคิดไม่ได้เลยพี่ ว่าทำไมไม่ผ่าน คิดเเค่ว่า อ่อ เตรียมตัวไม่พอ จบ! พอทำงานมา 1ปี เริ่มคิดได้ (delay ไปหน่อย) ประสบการณ์มันสอนหนู

ตอนนี้หนูเป็น process eng ประจำโรงงาน ได้ 1 ปี (ละเอียดไปไหนเนี่ย5555) โรงงานเป็น chemical plant เพิ่ง start up คะ

หนูอยู่ตั้งเเต่พื้นถนนยังเป็นโคลน อาศัยในตู้คอนเทนเนอร์ เก้าอี้พลาสติก โต๊ะพับคะ >< ห้องน้ำก็ตู้ บางวันไม่มีน้ำไหล มาเเรมปี

ทำงานที่นี่ตั้งเเต่ construction commissioning ยัน start up plant กับต่างชาติ เเละไทย มันมีความกดดัน มีความผิดพลาด การเมือง ผลเเล็ปผิด ตัวอย่างหาย อุปกรณ์พัง (ห่าเอ๊ย กูผ่านมาได้อย่างไร? ) หนูขอพูดหยาบบ้างนะพี่ พูดเเล้วมันขึ้นจริงๆ! 5555

เเบบมันเยอะมาก ระบบทุกอย่าง ตั้งเเต่เลือกสีกระเบื้อง ยัน ทำ procedure ทำมันทุกอย่างเลยอะพี่

หนูเคยโดนด่าเเบบตวาดกลางคอนโทรลรูม กลางทีมงานของเรา เเล้วเราต้องอดทนมาก ไม่ร้องไห้ตรงนั้น เก็บอาการ คุยด้วยเหตุผลให้จบตรงนั้นด้วยดีที่สุด (เเอบไปร้องไห้ในห้องน้ำชายเพราะห้องน้ำหญิงถูกซ่อมอยู่ เเล้วร้องๆอยู่มี operator มานั่งอึห้องข้างๆ มันช่างเป็นฟิลที่บอกไม่ถูกจริงๆ หมดอารมณ์ร้องไห้เลยคะ 5555).

กลับมาเรื่องวิเคราะห์เหตุผลที่เราไม่ผ่านเถอะ

Possible thinking (positive thinking) / ทักษะทางอารมณ์ / การพูด จำเป็นมากสำหรับการทำงานในภาวะกดดัน

ยิ่งในกลางทะเล กลางเเท่น การผลิตน้ำมันทุกวินาทีคือ “เงิน” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น งานต้องเดินต่อ (เค้าจ้างคุณมาเเพงนี่คะ )

ต้อง compromise กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุด ถ้าสมมติหนูเจอเหตุการณ์ เเบบที่ plant อาจไม่มีเวลามานั่งร้องไห้ในห้องน้ำชายด้วยซ้ำ หนูเคยดูวิวัฒนาการการสร้างเเท่นขุดเจาะในยูทูบตั้งเเต่อดีตก็ถึงบางอ้อเลย

ความลึกในการขุดเจาะที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆของเเต่ละเเท่นต้องอาศัย “possible thinking มาก” มันเป็นเทคโนโลยีใหม่เรื่อยๆ ลึกขึ้น ใหญ่ขึ้น อึดขึ้น เเต่หนูสังเกตว่าเค้าใช้พื้นฐานทางวิศวกรเป็นส่วนใหญ่ทั้งนั้น เพียงเเต่คิดได้รึป่าว เหมือนเส้นผมบังภูเขา

ดังนั้น Impossible thinking ไม่ได้จ้าา. ตอนนี้หนูเปลี่ยนเป็น possible thinking เพราะ งานมันสอนเรา มันพิสูจน์ให้เราเห็นเลยพี่ ว่าเห้ย ก็ทำได้นี่หว่า !!! (หนูเคยฟัง ted talk ตอนนึง บอกว่า เปลี่ยนจากถามว่า “ทำได้ไหม?” เป็น “ทำไงให้ได้?” คำตอบของทำได้ไหม มีเเค่ได้ กับ ไม่ได้ เเต่ทำไงให้ทำได้ มีกว้างมาก ยิ่งพยายามหา ยิ่งเจอลู่ทาง ! )

สัมภาษณ์ครั้งที่ 2 ;

หนูเพิ่งสมัครไปพี่ สมัครที่เดียวเลยด้วย (มั่นหน้ามากคะ กิกิ)

เห็นในเฟสบุคเเชร์มาวันที่ 27 Sep ตัดสินใจอยู่นาน สมัครไปวันที่ 10 ตค 59 submit 15:00 ปิดเครื่องมือถือ ไปประชุมกะ vendor เลิกทุ่มนึง มาเจอเมล์ลว่าติดต่อไม่ได้ ขอเอกสารเรซูเม่ด้วย ตกใจ + ลุ้นไปอีก ทำไมเร็วจัง เเต่ไม่เห็นมีข้อความเลย ก็มโนต่อ ว่าเห้ยหน้าเว็บบอกระวังของเซินเจิ้นมาหลอกเอาตังค์นะ

เราก็เช็คเลย เช็ค @slb.com ป่าว? ก็ตรงนี่หว่า เเต่ไม่หนำใจเจ้ เจ้โทรไปศูนย์โทรศัพท์ค่ายสีฟ้าเลยจ้า. สุดท้ายคุณพนักงานบอก ตรวจไม่ได้นะ เเง่ววว

ก็เลยยอมส่งเรซูเม่กะคอนเฟริมเบอร์โทรไป (เเอบสงสัย เราระบุเบอร์ในเรซูเม่กับใบสมัครครบนะ หรือเค้าต้องการเช็คว่าตัวจริง?)

พอส่งปุ๊ป 5 -10 นาที โทรกลับมาเลย เบอร์จากมาเลเซีย คือ ทั้งออฟฟิส เหลือเจ้ นั่งสัมพาษณ์มันบนโต๊ะเลยจ่ะ คือ ไม่ได้เตรียมสคริปอะไรเลยคะ เพิ่งออกจากประชุม สภาพทุ่มกว่า หิว งง ตอบมึนๆ ตอบเเบบตรงมาก เค้าถามดังนี้ (เผื่อคนย้ายงานถูกถามด้วยคะ)

• – เพิ่งเลิกงาน?
• – ประชุมเป็นไง ?
• – ทำไมอยากย้ายงานมานี่หละ? // คำถามนี่เเบบหวั่นไหว คิดหนัก อึกอัก เห้อออ
• – เหตุผลที่อยากทำที่นี่?
• – งานอดิเรกชอบอะไร ? (เราตอบง่อยมาก เราบอกชอบขับรถไปฟังเพลงไป เราชอบโฟกัสสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มีสมาธิดี ; คือ เพิ่งมาคิดได้ว่า เห้ย ทำงานเเนวนี้เเทบไม่ได้ขับรถเลยนะ 555/ เเถมงานต้องการ team work เงิบไปเลย )
• – ครอบครัวเป็นไง? พ่อเเม่ พี่น้อง
• – พร้อมเริ่มงานเมื่อไหร่ ? ให้บอกล่วงหน้าหน้านานเเค่ไหน ?
• – สุดท้ายเราก็ถามกลับไปว่าใช่ งาน field ? เราอยากทำงาน field เค้าบอกใช่!
• – จบด้วย ถ้าผ่านจะติดต่อมานะ (เห็นคนมีคนเเชร์ถูกเรียกเเล้ว) ซึ่งเราก็เข้า ไปเช็คทุกวันเลย ในระบบ ว่าstatus decline ยัง? เเต่ตอนนี้ก็ตั้งใจทำงานของเราให้ดี เเละเตรียมตัวเสมอๆ ไม่ได้ก็กลับไปเตรียมตัวใหม่
• – ถ้าเพื่อนๆที่มาอ่านยังไม่พร้อมสัมพาษณ์เหมือนเราอาจตอบไปตรงๆเลย เเล้วนัดวันอื่นคงดีกว่าเพื่อการเตรียมตัวนะ

ขอบคุณคะพี่นก จบละคะ : )

• Facebook
• Twitter
• Line