ฝนหนักที่ผ่านมา ...
แคมป์เราอยู่ห่างจากสถานีผลิต (Production Facility) ราวๆ 9.5 กม. เครื่องปั่นไฟใหญ่ที่ส่งมาหล่อเลี้ยงแคมป์เราอยู่ที่สถานีผลิต แล้วลากสายแรงสูงมาที่แคมป์
วันดีคืนซวยพายุฝนเข้า พายุแบบนี้คนพื้นที่บอกว่าไม่เคยมีมาก่อนที่บริเวณนี้เลยในรอบหลายสิบปีทั้งพายุ และ ปริมาณน้ำฝน นอกจากความเสียหายอื่นๆแล้ว ก็เสาไฟฟ้าที่เห็นนี่แหละครับ งอพับหน้าตาแบบนี้ไป 5 ต้น
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไฟดับทั้งแคมป์ แต่เราก็มีไฟจากเครื่องปั่นไฟสำรองใช้ได้ไปพลางๆ
พวกเราเห็นรูปแล้วก็อดคุยกันตามประสาวิศวกรไม่ได้ว่า ลมมันแรงขนาดนั้นเลยหรือ ที่นี้เรามีวิศวกรไทยเกือบทุกสาขา เราทานข้าวเที่ยงร่วมกัน วันหนึ่งเราก็คุยกันเรื่องนี้
น้องวิศวกรเครื่องกลคนหนึ่งให้ความเห็นว่า โครงถักโปร่งมาก ไม่น่าต้านลมแล้วหักได้ขนาดนี้ตั้ง 5 ต้น และ เป็นห้าต้นที่เรียงติดกันด้วย
แล้วเราก็ลงความเห็นว่า มี 2 ปัจจัยร่วมกัน ลม กับ ความซวย
ลมทำให้สายไฟแกว่ง แล้วความซวย คือ บังเอิญความถี่ที่แกว่ง(โดยลม) ดันไปเท่ากับความถี่ธรรมชาติ (natural frequency) ของสายไฟ จำได้ป่ะ ฟิสิกส์ ม.ปลาย เราเคยคำนวนว่า ความถี่ธรรมชาติของเชือกห้อยท้องช้างแบบนี้เป็นเท่าไร
นั่นทำให้เกิด การกำทอน (resonance: induced frequency = natural frequency) ทำให้แรงของคลื่นที่เหวี่ยง (amplitude) มันเพิ่มขึ้นอย่างมาก เหมือนเราแกว่งชิงช้านั่นแหละ ถ้าเราออกแรงแกว่งไม่มาก แต่มันไปได้จังหวะกับความที่ธรรมชาติของชิงช้านั้น ชิงช้าก็จะแกว่งไปแรงมากโดยเราออกแรกนิดเดียว
แปลว่า การออกแบบเสาไฟฟ้าแรงสูงนี้ ไม่ได้เอาเรื่องการกำทอนนี้เข้าไปรวมด้วย ... ถามว่าผิดไหม แหม มันก็พูดยาก ใครจะไปรู้ว่ามันจะซวย โดยเฉพาะ ในพื้นที่นี้แต่ไหนแต่ไรมามันก็ไม่เคยมีพายุแรงขนาดนี้ ความแรงของพายุไม่ใช่ปัจจัยเดียว มันดันซวยที่มันไปแกว่งแล้วมันเสริมแรงกัน
แล้วที่มันล้ม 5 ต้นเรียงกันก็ไม่ใช่อะไร มันล้มแบบโดมิโน่ ต้นนึงล้มมันก็ไปดึงต้นข้างๆล้มไปด้วย
จริงๆแล้วการออกแบบตึกสูงหรือสะพาน วิศวกรจะต้องเอาเรื่องความถี่ธรรมชาติเข้าไปคำนวนเผื่อเสมอนะ
ทำให้นึกถึงเหตุการในอดีตที่ทหารสวนสนามข้ามสะพาะ 2 แห่งในยุโรป (Angers ในผรั่งเศส และ Broughton ในอังกฤษ) แล้วสะพานพังครืนลงมา เพราะจังหวะตบเท้าของทหารดันไปเท่ากับความถี่ธรรมชาติของสะพานพอดี (+กับลม และ อื่นๆในเวลานั้น พูดง่ายๆก็ ซวยอีกนั่นแหละ)
จึงเป็นเหตุให้ต่อมาเวลาทหาร หรือ คนจำนวนมากๆเดินข้ามสะพาน จะไม่ให้เดินเป็นระเบียบ (march หรือ formation) เดินมั่วๆเอาไว้ปลอดภัยกว่า 555
--------
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ของ 2 สะพานนี้ได้ตามลิงค์นี้ครับ
https://en.wikipedia.org/wiki/Angers_Bridge
https://en.wikipedia.org/wiki/Broughton_Suspension_Bridge
(log in แล้ว comment กันได้เลยครับ ถ้ายังไม่ลงทะเบียนก็ลงทะเบียนกันน้าาา แป๊บเดียว ใช้แค่ชื่อเล่น กับ password จะได้เม้าส์มอยกันได้)
log in
registration
ฝนหนักที่ผ่านมา ...
แคมป์เราอยู่ห่างจากสถานีผลิต (Production Facility) ราวๆ 9.5 กม. เครื่องปั่นไฟใหญ่ที่ส่งมาหล่อเลี้ยงแคมป์เราอยู่ที่สถานีผลิต แล้วลากสายแรงสูงมาที่แคมป์
วันดีคืนซวยพายุฝนเข้า พายุแบบนี้คนพื้นที่บอกว่าไม่เคยมีมาก่อนที่บริเวณนี้เลยในรอบหลายสิบปีทั้งพายุ และ ปริมาณน้ำฝน นอกจากความเสียหายอื่นๆแล้ว ก็เสาไฟฟ้าที่เห็นนี่แหละครับ งอพับหน้าตาแบบนี้ไป 5 ต้น
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไฟดับทั้งแคมป์ แต่เราก็มีไฟจากเครื่องปั่นไฟสำรองใช้ได้ไปพลางๆ
พวกเราเห็นรูปแล้วก็อดคุยกันตามประสาวิศวกรไม่ได้ว่า ลมมันแรงขนาดนั้นเลยหรือ ที่นี้เรามีวิศวกรไทยเกือบทุกสาขา เราทานข้าวเที่ยงร่วมกัน วันหนึ่งเราก็คุยกันเรื่องนี้
น้องวิศวกรเครื่องกลคนหนึ่งให้ความเห็นว่า โครงถักโปร่งมาก ไม่น่าต้านลมแล้วหักได้ขนาดนี้ตั้ง 5 ต้น และ เป็นห้าต้นที่เรียงติดกันด้วย
แล้วเราก็ลงความเห็นว่า มี 2 ปัจจัยร่วมกัน ลม กับ ความซวย
ลมทำให้สายไฟแกว่ง แล้วความซวย คือ บังเอิญความถี่ที่แกว่ง(โดยลม) ดันไปเท่ากับความถี่ธรรมชาติ (natural frequency) ของสายไฟ จำได้ป่ะ ฟิสิกส์ ม.ปลาย เราเคยคำนวนว่า ความถี่ธรรมชาติของเชือกห้อยท้องช้างแบบนี้เป็นเท่าไร
นั่นทำให้เกิด การกำทอน (resonance: induced frequency = natural frequency) ทำให้แรงของคลื่นที่เหวี่ยง (amplitude) มันเพิ่มขึ้นอย่างมาก เหมือนเราแกว่งชิงช้านั่นแหละ ถ้าเราออกแรงแกว่งไม่มาก แต่มันไปได้จังหวะกับความที่ธรรมชาติของชิงช้านั้น ชิงช้าก็จะแกว่งไปแรงมากโดยเราออกแรกนิดเดียว
แปลว่า การออกแบบเสาไฟฟ้าแรงสูงนี้ ไม่ได้เอาเรื่องการกำทอนนี้เข้าไปรวมด้วย ... ถามว่าผิดไหม แหม มันก็พูดยาก ใครจะไปรู้ว่ามันจะซวย โดยเฉพาะ ในพื้นที่นี้แต่ไหนแต่ไรมามันก็ไม่เคยมีพายุแรงขนาดนี้ ความแรงของพายุไม่ใช่ปัจจัยเดียว มันดันซวยที่มันไปแกว่งแล้วมันเสริมแรงกัน
แล้วที่มันล้ม 5 ต้นเรียงกันก็ไม่ใช่อะไร มันล้มแบบโดมิโน่ ต้นนึงล้มมันก็ไปดึงต้นข้างๆล้มไปด้วย
จริงๆแล้วการออกแบบตึกสูงหรือสะพาน วิศวกรจะต้องเอาเรื่องความถี่ธรรมชาติเข้าไปคำนวนเผื่อเสมอนะ
ทำให้นึกถึงเหตุการในอดีตที่ทหารสวนสนามข้ามสะพาะ 2 แห่งในยุโรป (Angers ในผรั่งเศส และ Broughton ในอังกฤษ) แล้วสะพานพังครืนลงมา เพราะจังหวะตบเท้าของทหารดันไปเท่ากับความถี่ธรรมชาติของสะพานพอดี (+กับลม และ อื่นๆในเวลานั้น พูดง่ายๆก็ ซวยอีกนั่นแหละ)
จึงเป็นเหตุให้ต่อมาเวลาทหาร หรือ คนจำนวนมากๆเดินข้ามสะพาน จะไม่ให้เดินเป็นระเบียบ (march หรือ formation) เดินมั่วๆเอาไว้ปลอดภัยกว่า 555
--------
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ของ 2 สะพานนี้ได้ตามลิงค์นี้ครับ
https://en.wikipedia.org/wiki/Angers_Bridge
https://en.wikipedia.org/wiki/Broughton_Suspension_Bridge
(log in แล้ว comment กันได้เลยครับ ถ้ายังไม่ลงทะเบียนก็ลงทะเบียนกันน้าาา แป๊บเดียว ใช้แค่ชื่อเล่น กับ password จะได้เม้าส์มอยกันได้)
log in
registration
