เชฟรอน พร้อมประมูลแข่ง มูบาดาลา ปิโตรเลียม ในแหล่งเอราวัณ

• Facebook
• Twitter
• Line

เชฟรอน พร้อมประมูลแข่ง มูบาดาลา ปิโตรเลียม ในแหล่งเอราวัณ … ข่าวนี้เหมือนจับคู่ประกอบมวยก่อนขึ้นเวที ก็ให้ข่าวไปตามสคริปน่ะครับ จัดเต็ม มั่นใจ และ ไม่ประมาท อะไรประมาณนั้น

มาลุ้นช๊อตสุดท้ายไปเลยดีกว่าไหม อิอิ … “ส่วนการยื่นข้อเสนอด้านเทคนิคและผลประโยชน์ตอบแทนรัฐ แผนการดำเนินงาน งบประมาณการลงทุน จะเปิดให้ยื่นในวันที่ 25 กันยายน 2561”

เชียร์กัน ลุ้นกันยาวๆไปครับ … อย่าให้มีสะดุดก็แล้วกัน ขอแค่เนี้ย 🙂

—————————-

เชฟรอน พร้อมประมูลแข่ง

เชฟรอนพร้อมประมูลแข่ง มูบาดาลา ปิโตรเลียม ในแหล่งเอราวัณ

ที่มา http://www.energynewscenter.com/index.php/news/detail/1274

เชฟรอน พร้อมแข่ง มูบาดาลา มั่นใจประสบการณ์ในการทำงานมายาวนานในแหล่งปิโตรเลียม เอราวัณ จะทำให้ชนะการประมูลได้ แต่ก็ไม่ประมาทคู่แข่ง ด้าน รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ประเมินประโยชน์ที่รัฐจะได้จากการประมูลครั้งนี้ มูลค่าไม่น้อยกว่า 7แสนล้านบาท ในระยะเวลา10ปีที่มีการผลิตปิโตรเลียมตามเงื่อนไขทีโออาร์ มั่นใจรัฐเปิดประมูลได้ตามแผน

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center-ENC) รายงานว่า ในวันที่ 4 พ.ค. 2561ซึ่งกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเปิดให้ผู้ประกอบการยื่นแบบฟอร์มแสดงความจำนงในการเข้าร่วมพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้น(Pre-Qualification Evaluation Registration-PQ Registration) เพื่อเข้าร่วมการประมูลสิทธิในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/61(เอราวัณ) และ G2/61(บงกช ) ภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (Production Sharing Contract -PSC) นั้น

ในช่วงเช้า มีตัวแทนจาก 3 บริษัท เดินทางเข้ามายื่นแบบฟอร์มดังกล่าวตามคาดหมาย

ประกอบด้วย

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมจำกัด (มหาชน) ส่งตัวแทนมายื่นแบบฟอร์มเป็นรายแรก จากนั้น

นายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด ได้เข้ายื่นแบบฟอร์มเป็นรายที่สอง และ

นายราเชด อัล บลูชิ (Rashed Al Blooshi) กรรมการผู้จัดการ บริษัทมูบาดาลา ปิโตรเลียม เข้ายื่นเป็นรายที่สาม

นายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า เชฟรอนฯ ได้เข้ายื่นแบบฟอร์มความจำนงในการเข้าร่วมพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้น ทั้งในส่วนของแปลงเอราวัณและบงกช ส่วนจะตัดสินใจเข้าร่วมประมูลทั้งสองแหล่งหรือไม่ และจะร่วมมือเป็นพันธมิตรกับรายใดนั้นจะต้องศึกษาในรายละเอียดของข้อมูลทั้งหมดก่อน โดยจะมีเวลาในการตัดสินใจจนถึงในวันที่ 25 ก.ย. 2561 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่รัฐกำหนดให้ยื่นข้อเสนอการประมูล

“เชฟรอนฯ มีความมั่นใจว่าจะชนะการประมูลครั้งนี้ เนื่องจากมีจุดแข็งด้านประสบการณ์ที่ผลิตก๊าซฯในอ่าวไทยมานาน มีเทคโนโลยีจากบริษัทแม่ที่สามารถพัฒนาศักยภาพการผลิตก๊าซฯ ตามธรณีวิทยาของอ่าวไทยได้ อีกทั้งผลงานที่ผ่านมาทั้งด้านความปลอดภัยในการผลิตและเสถียรภาพการผลิตก๊าซฯที่ป้อนก๊าซฯให้กับ ปตท. ได้ต่อเนื่อง ตามสัญญา มาโดยตลอด ก็เป็นผลงานที่พิสูจน์ว่า เชฟรอนพร้อมที่จะแข่งขัน อย่างไรก็ตามบริษัทก็ไม่ได้ประมาทผู้ร่วมแข่งขันรายอื่นเช่นกัน” นายไพโรจน์ กล่าว

โดยเงื่อนไขการประมูลที่รัฐกำหนดไว้ในทีโออาร์การประมูล เช่น การผลิตก๊าซฯในแหล่งเอราวัณให้ได้ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และแหล่งบงกช 700 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน นับตั้งแต่วันแรกที่ผลิตต่อเนื่องไปเป็นระยะเวลา 10 ปี

รวมถึงต้องขายก๊าซฯในราคาไม่สูงกว่าราคาก๊าซฯเฉลี่ยในปัจจุบันนั้น ถือเป็นข้อกำหนดที่ท้าทายความสามารถของผู้ผลิต เพราะทั้งสองแหล่งมีการผลิตก๊าซมาจนจะสิ้นสุดอายุสัมปทานแล้ว แหล่งที่มีขนาดใหญ่และเจาะหลุมผลิตง่ายๆ ถูกผลิตไปหมดแล้ว ซึ่งจะเหลือแหล่งที่มีขนาดเล็ก ต้องใช้จำนวนหลุมผลิตมาก ต้นทุนก็จะสูงขึ้น

ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทต้องใช้เงินลงทุนเพื่อเจาะหลุมผลิตปีละประมาณ 300-400 หลุม หลุมละประมาณ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ ทุกๆปี เพื่อรักษาปริมาณการผลิตปิโตรเลียมให้ได้ตามสัญญา

ซึ่งหากการดำเนินการประมูลเป็นไปตามระยะเวลาที่รัฐกำหนดทราบผลการประมูลว่าบริษัทเป็นผู้ชนะ ล่วงหน้าประมาณ 3ปี ก่อนที่สัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดในปี2565 บริษัทก็พร้อมที่จะลงทุนเจาะหลุมผลิตเพื่อสร้างความต่อเนื่องในการผลิตก๊าซได้

นายราเชด อัล บลูชิ (Rashed Al Blooshi) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียม (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทสนใจเข้าร่วมประมูลแข่งขันทั้งแหล่งเอราวัณแปลง G1/61และบงกช แปลง G2/61

โดยที่ผ่านมาบริษัทดำเนินธุรกิจด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมาโดยตลอด และ มีประสบการณ์ด้านสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งในตะวันออกกลางและอาเซียน ซึ่งการเข้าร่วมประมูลครั้งนี้ ก็มีความต้องการจะขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนและบริษัทฯยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลไทยมาโดยตลอด

ส่วนการพิจารณาผู้ร่วมทุนนั้น บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเป็นผู้ลงทุนเพียงรายเดียวหรือให้บริษัทอื่นเข้าร่วมลงทุนด้วย โดยขอที่จะดำเนินการไปตามขั้นตอนของการประมูลที่ละขั้นไปก่อน เพราะยังมีเวลาที่จะตัดสินใจจนถึงวันที่ 25 ก.ย. 2561

ด้านนายสราวุธ แก้วตาทิพย์ รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า ผู้ที่ไม่ได้ยื่นแบบฟอร์มแสดงความจำนงภายในวันที่ 4 พ.ค. 2561 ก็จะถูกตัดสิทธิการเข้าร่วมประมูลครั้งนี้ โดยขั้นตอนต่อไปหลังจากที่มีการยื่นแบบฟอร์มแสดงความจำนงในการเข้าร่วมพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้นแล้ว ในวันที่ 15 – 16 พฤษภาคม 2561 จะเป็นวันที่ต้องมายื่นหลักฐานแสดงคุณสมบัติเบื้องต้น ซึ่งกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจะแจ้งผลการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้น ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2561

ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมประมูลที่ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น ตามรายชื่อที่ได้ประกาศ จึงจะสามารถยื่นเอกสารแสดงเจตจำนงในการเข้าถึงข้อมูล ในระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2561 จากนั้นสามารถเข้าศึกษาข้อมูลในพื้นที่แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/61 และ G2/61 ได้ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน – 21 กันยายน 2561 ส่วนการยื่นข้อเสนอด้านเทคนิคและผลประโยชน์ตอบแทนรัฐ แผนการดำเนินงาน งบประมาณการลงทุน จะเปิดให้ยื่นในวันที่ 25 กันยายน 2561

โดยนายสราวุธ กล่าวด้วยว่า กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติมีการประเมินในเบื้องต้นว่า การประมูลครั้งนี้ จะก่อให้เกิดการลงทุนจากภาคเอกชน 1.2 ล้านล้านบาท และทำให้เกิดรายได้จากการขายปิโตรเลียมประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วคิดเป็นกำไร จะอยู่ที่ประมาณ 9 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นกำไรในส่วนของภาครัฐกว่า 7 แสนล้านบาท นับจากปี 2565 ไปอีก 10 ปีข้างหน้า ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในทีโออาร์ ทั้งนี้ กรมฯมีความมั่นใจว่าจะดำเนินการเปิดการประมูลได้ตามขั้นตอนและระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน

ข่าวเกี่ยวเนื่อง ประมูลปิโตรคึกคัก ‘เชฟรอน’ยันเงินทุนปึ้ก!สู้คู่แข่ง และ Data Room คืออะไร

• Facebook
• Twitter
• Line