Thai Engineer in Wakkanai and Japanese heater วิศวกรกระเหรี่ยง

Thai Engineer in Wakkanai and Japanese heater วิศวกรกระเหรี่ยง – จะว่าไป มาเล่าเรื่องนี้เหมือนเอาตัวเองมาแฉความเปิ่น 555 แต่ก็นะ สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง นับประสาอะไรกับวิศวกรกระเหรี่ยงไทยอย่างผม

เรื่องนี้มันเกิดขึ้นนานมากมาแล้ว … จะข้นต้นว่า กลาครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ก็คงไม่ผิดกติกา

Thai Engineer in Wakkanai

(and Japanese heater)

ตลกจืดๆของวิศวกรกระเหรี่ยงจากประเทศสารขัณฑ์กับเครื่องทำความร้อนแบบญี่ปุ่น

ตามชื่อเรื่องเลยครับ เขียนเก็บเข้ากรุไว้ชาตินึงแล้ว ตั้งแต่สมัยไปทำงานที่ชายแดนญี่ปุ่นส่วนที่ติดกับไซบีเรียของรัสเซีย

แน่นอนครับหนาวบรรลัย หิมะสูงท่วมหัวเลยครับ สำนวนเก่าๆบุคคลและนางแบบที่อ้างอิงถึง(แซว)ป่านนี้ก็คงลาวงการและลูกสองลูกสามกันไปแล้ว (ฮ่า) แสดงถึงความเก่าของบทความได้เป็นอย่างดี

ตามเคยครับ รูปต่างๆก็โหลดจากอินเตอร์เน็ทให้เข้ากับเรื่อง เนื่องจากกาลเวลาผ่านมานานนมแล้ว ก็พอจะเฉลยได้ว่าที่นั่นคือเมือง Wakkanai อยู่ปลายสุดเหนือของเกาะ Hokkaido เชิญบริโภคกันได้เลยครับ

วันนี้มีเรื่องตลกจืดๆของวิศวกรกระเหรี่ยงจากประเทศสารขัณฑ์กับเครื่องทำความร้อนแบบญี่ปุ่นมาเล่าให้ฟัง ที่นั้น (ไม่ควรจะกล่าวถึงว่าเป็นที่ไหนในญี่ปุ่น เดี๋ยวจะรู้ว่าไอ้วิศวกรกระเหรี่ยงเฉิมเบอะตนนี้เป็นใคร) อากาศหนาวมาก จึงต้องมีเครื่องทำความร้อนเอาไว้ทุกๆห้องในโรงแรม

คืนแรกไอ้เจ้าวิศวกรกระเหรี่ยงตนนี้มันก็เช็คอินเข้ามาอย่างสะบักสะบอมและโทรมสุดประมาณ เพราะมันเดินทางมาแล้วกว่า 24 ชม.จากประเทศสารขัณฑ์

ซ้ำร้ายช่วงสุดท้ายมันตกเครื่องบิน ต้องนั่งรถไฟตูด(และตุ้ม)เปียกมากว่า 5 ชม. จึงจะถึงโรงแรม ยังไม่นับที่ว่ามันเจือกลงรถไฟผิดไป 1 สถานี ทำให้มันต้องกัดฟันจ่ายค่าแท๊กซี่พี่ยุ่นลุยถนนหิมะมาถึงโรงแรมเอาตอนหลังเที่ยงคืน

ด้วยความเหนื่อยมาก มันก็เข้าห้องไปอย่างหนาวเหน็บ เห็นตู้ๆหนึ่งหน้าตาบอกได้ว่ามันต้องเป็นเครื่องทำความร้อนแบบใช้ไฟฟ้าประจำห้องแน่นอน

อ้อ … ไอ้วิศวกรกระเหรี่ยงตนนี้มันให้บังเอิญที่เป็นวิศวกรไฟฟ้าซะด้วย แต่เอ๊ะ ทำไมห้องมันไม่อุ่นว่ะ สงสัยจะไม่ได้เปิดหรือเสีย

ครั้นจะเรียกคนของโรงแรมมาดูก็เกรงว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง และ ก็จะเสียเวลาเพราะเหนื่อยมาก และ อยากนอนเต็มแก่แล้ว เลยอาสาเปิดฝาครอบด้านหน้าดูปุ่มปรับต่างๆ

โอโฮ มีวิธีใช้พิมพ์แปะไว้จากโรงงานด้วย ดีจัง

แต่เอ๊ะ มันเป็นภาษาญี่ปุ่นนี่หว่า อ่านออกอย่างเดียวที่มันเป็นตัวเลขอารบิค ไม่งั้นถ้าเป็นตัวเลขญี่ปุ่นก็ยิ่งแย่ใหญ่ แล้วกระเหรี่ยงอย่างมันจะรู้ไหมนี่

เอาล่ะ อย่างงี้ต้องใช้สามัญสำนึกกะความรู้ที่ได้อุตส่าห์ร่ำเรียนมา(จากสำนักไหนในสารขัณฑ์ไม่ควรจะกล่าวถึงเป็นอย่างยิ่งในกรณีนี้ … แฮ่ๆ) ซะแล้ว (มันคิดอย่างงั้น)

… อืม … มีอยู่ 1 ปุ่ม มี 2 วงล้อให้หมุน กับ หลอดไฟเล็กๆ อีก 1 ดวง …

ฮ่ะฮ่า เหมือนเตาไมโครเวฟที่สารขัณฑ์เลยว่ะ

ไอ้ 1 ปุ่มให้กดต้องเป็นสวิทช์ เปิดปิดแน่ๆ วงล้อนึงมีขีดๆ 10 ถึง 40 อันนี้ต้องเป็นที่ไว้หมุนตั้งอุณหภูมิชัวร์

ไอ้อีกวงล้อนึงมันมีขีดๆเหมือนกัน แต่ตัวเลขเป็น 0 – 24 ถ้างั้นไอ้ปุ่มนี้ต้องเป็นไทม์เมอร์ ไว้ตั้งเวลา 24 ชม.

อย่างถ้าต้องการเปิดเครื่อง 2 ชม. ก็หมุนไปที่เลข 2 ง่ายนิดเดียว

ตอนแรกสุดที่เปิดฝาออกมาทุกอย่างอยู่ที่เลข 0 มิน่าเล่าเครื่องถึงไม่ติด (มันคิด)

ว่าแล้ววิศวกรกระเหรี่ยงก็กดปุ่มเปิดเครื่องอย่างมั่นใจในข้อสันนิฐาน เออ ใช้ได้แฮะ หลอดไฟเล็กๆที่มีอยู่ดวงเดียวก็แดงขึ้น ได้ยินเสียงหึ่งๆ เหมือนเครื่องกำลังทำงาน สำเร็จไปครึ่ง (มันคิดอีก)

วงล้อแรกหมุนไปที่ 30 กะว่าให้อุ่นเร็วๆ ได้สักประมาณอุณหภูมินอกชานบ้านมันที่สารขัณฑ์ประเทศ ไอ้วงล้อที่สองก็เอาสักเลข 12 ให้มันเดินเครื่อง 12 ชม.ถึงเช้าเลย เอาให้อุ่นซะใจกระเหรี่ยงสารขัณฑ์

แล้วมันก็อาบน้ำนอนอย่างสบายอุรา เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน จึงหลับสนิทราวตาย (โดยไม่ลืมที่จะแวะฝันถึงนางแบบสาวกระเหรี่ยงนามเฮเลนในชุดจีสตริง)

จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับไอ้เครื่องทำความร้อนตัวดี พอสักตี 4 ความง่วงมันบรรเทาลง สู้ความหนาวไม่ไหว จึงได้รู้สึกตัวว่าแม่งโตครหนาววายวอดเลยนี่หว่า หนาวอย่างจับใจเลย

แสดงว่าที่ตอนแรกมันหลับได้เพราะมันง่วงสุดกำลัง แต่ก็ทนจนถึงเช้า จึงแสดงภูมิไปบอกคนของโรงแรมว่าเครื่องทำความร้อนใช้ไม่ได้นะ วิธีบอกก็ชี้ที่เลขที่พวงกุญแจห้อง ชี้ไปที่เครื่องทำความร้อนในล็อบบี้ แล้วทำมือกากบาท ไอ้ยุ่นมันคงเข้าใจมั้ง มันตอบว่า “ไฮ” คำเดียว

… ตอนเย็นมาเปิดห้องดู ทุกปุ่มอยู่ที่เดิม ยกเว้นไทม์เมอร์ อยู่ที่ 0 ปรับปุ่มไทม์เมอร์ไปที่ 12 ก็ยังหนาวอยู่เหมือนเดิม

ลงไปถามไอ้คนเดิมมันก็บอกว่า “โอเคๆ” ไม่รู้จะทำอย่างไรกะมัน ก็เลยต้องนอนหนาวอย่างจับขั้วหัวใจ(นอกเหนือจากไม่ได้เอาสาวกระเหรี่ยงติดมาให้กอดเป็นหมอนข้างด้วย)ไปอีก 1 คืนอย่างจำใจ

ดีที่ผ้าห่มมันหนาประมาณตราช้าง เช้าวันรุ่งขึ้นก็ไปโวยอีก (กระเหรี่ยงตนนี้มันยังไม่รู้ตัวว่ามันทำอะไรลงไป.. ฮ่า) ยุ่นมันก็ตอบว่า “ไฮๆ” เหมือนเดิม

เย็นถัดมากลับจากงาน ก็เหมือนเดิมอีก ก็เลยไปตามยุ่นอีกคนที่พอพูดภาษาอังกฤษได้บ้างเล็กๆ มาดู

มันก็บอกว่ากระเหรี่ยงเข้าใจถูกทุกปุ่มยกเว้นไอ้ปุ่มไทม์เมอร์น่ะ มันไม่เหมือนของเตาไมโครเวฟที่สารขัณฑ์อย่างที่กระเหรี่ยงเข้าใจ

มันทำงานตรงกันข้าม คือ ตั้งเวลาไม่ให้เครื่องทำงาน ไม่ใช่ตั้งให้ทำงาน ดังนั้นที่กระเหรี่ยงหมุนมันไปที่เลข 12 มันแปลว่าตั้งไม่ให้ทำงาน 12 ชม.

อ้าว … วิศวกรกระเหรี่ยงผู้องอาจในความทรงภูมิถึงกับอ้าปากขากรรไกรค้าง (แต่น้ำลายไม่หยดเพราะยังไม่ได้เห็นลูกเกดในชุดว่ายน้ำทูพีส) มองไอ้ยุ่นคนนั้นเดินไปส่ายหัวไปจนลับมุมทางเดิน

… มันคงคิดว่า มาจากดาวดวงไหนว่ะ โง่บรรลัย

……. ฮ่วย ก๊อบ่บอกข่อย ….

นิทานกระเหรี่ยงเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “เหนือ(คนชื่อ)ฟ้ายังมี(สามีของคนชื่อ)ฟ้า(ทับอยู่) เหนือกระดาษยังมีซาลาเปา”

มาอีกแล้วแนวเอ๊กซ์ๆ ว่าจะไม่มีแล้วนะเรื่องนี้ … เออ แล้วมันจะเกี่ยวกันได้ไหมนี่ จบดีก่า เดี๋ยวจะออกแนวอาร์ไปมากกว่านี้ … แว๊บบบบบ

จบแล้ว …

Drill Bit Snow Wakkanai – นินทาสาวนานาชาติ – ชีวิตวิศวกรสนาม

Drill Bit Snow Wakkanai – นินทาสาวนานาชาติ – ชีวิตวิศวกรสนาม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *