Libya Adventure ผจญภัยในลิเบีย ประสบการณ์คนทำงานที่นั่น

Libya Adventure ผจญภัยในลิเบีย ประสบการณ์คนทำงานที่นั่น – มีน้องคนนึงที่รู้จักกันในบล๊อก ไปหาประสบการณ์ที่ลิเบีย เขียนมาเล่าให้ฟังว่ามันส์ยังไง

ผมเห็นว่าน่าจะเอามาแบ่งปันกัน เพราะการทำงานสนามในอุตสาหกรรมต้นน้ำของเราก็ไม่ต่างเท่าไหร่นักในแง่ที่ต้องเดินทางไปต่างถิ่นที่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวสะดวกสบาย ผจญกับความลำบากทางการสื่อสารทั้งภาษาและวัฒนธรรม ความเหลื่อมล้ำทางเชื้อชาติและสีผิว

ผมเห็นว่าเรื่องของน้องคนนี้อาจจะมีประโยชน์ในแง่ “life style” ที่คล้ายๆกับพวกเรา จึงเอามาลงไว้ที่นี้ ประกอบการตัดสินใจสำหรับใครที่จะมาทำงานสนามในวงการสำรวจและผลิตต้นน้ำอย่างพวกเรา

อ้อ … เรื่องนี้นานแล้วครับ ราวๆ 20+ ปีมาแล้ว สมัยผมเปิดบล๊อกใหม่โน้น ราวๆปี 1998

Libya Adventure

ผจญภัยในลิเบีย ประสบการณ์คนทำงานที่นั่น

ตอนนี้ผมอยู่ลิเบีย แล้วกำลังจะกลับเมืองไทยวันเสาร์นี้ครับ

ขอเกริ่นหน่อยนะครับหอมปากหอมคอ ผมเองไม่ได้เก่งอะไร เพียงแต่เป็นคนขวนขวาย (เขียนถูกป่าว) หาโอกาสให้ตัวเองสม่ำเสมอ(ด้านได้ อายอด)

การมาที่ลิเบียก็เช่นกันครับ ไม่ได้อยู่ดีๆ เขาจะเรียกให้เราไป เขาแค่ส่งเมลล์แจ้งให้กับบริษัท ที่มีสาขาทั่วโลกว่าต้องการ คนมาเป็น พี่เลี้ยง (Advisor) ให้กับ Site Engineer ที่นี่ ระยะเวลาสั้นๆ 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับ result ที่ออกมา

หลังจากที่ผมได้อ่านเมลล์ ผมก็ส่งเมลล์มาหาหัวหน้าว่าผมสนใจงานนี้ช่วย recommend ผมที หัวหน้าผมก็จัดให้ Fw ไปหาคนที่ส่งทันทีว่าผมสนใจ ช่วยพิจารณา ไม่ถึงสองวันดี เขาก็ส่งเมลล์มาบอกว่า I’ll nominate (ชื่อผม) โดยจะได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงประมาณวันละ 3000 บาท (ฟรีที่พัก กะเดินทาง) ก็เป็นที่มาของประสบการณ์ต่างแดน (คนไทยคนเดียว ที่ไป)

การเข้าประเทศลิเบียก็ไม่ง่ายอีกเช่นกันต้องทำวีซ่าก่อน ในเมืองไทยไม่มีสถานฑูตลิเบีย ใกล้สุดอยู่มาเลเซีย พาสปอร์ท ก็ต้อง เอาไปแปลเป็นภาษาอาราบิคด้วย เพราะเป็นภาษาหลักของที่นี่

ส่วนเรื่องของการเดินทางจะไม่มี direct flight จากบ้านเรา ไปลิเบีย เราต้องไป transit ที่ดูไบ หรืออียิปต์ หรือ เยอรมนี หรือตุรกี (ส่วนผมไปดูไบ โดยสายการบิน Emirate) เดินทางประมาณ 15 – 16 ชั่วโมง

มันก็เป็นเรื่องตื่นเต้นเป็นธรรมดาใช่ไหมครับ กับการที่เราต้องเดินทางคนเดียว ไปต่างแดนที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ไป พูดคนละภาษา ป้ายต่างๆที่นี่ก็เป็นภาษาอาราบิคหมด ภาษาอังกฤษ ไม่ค่อยจะได้เห็น กำลังเครียดอยู่ว่าตอนกลับ เพราะตอนเข้ามาลองอ่านป้ายต่างๆ ภาษอาราบิคหมด ไม่มีภาษาอังกฤษเลย จะหา gate เจอไหม (ตอนเขียนก็ยังอยู่ที่ลิเบีย)

หลังจากคนตรวจคนเข้าเมือง ประทับตราในหนังสือเดินทางเสร็จ แน่นอนผมก็ต้องเดินออกมาจากเคาร์เตอร์ที่ตรวจใช่ครับ พอเดินออกมามีชายคนนึงขอดูหนังสือเดินทาง ผมสำรวจเครื่องแบบ มีบัตรเจ้าหน้าที่เลยให้ไป

จากนั้นเขาบอกว่า I’ll keep your passport. You can go (พร้อมชี้มือไปตรงทางออก เพื่อไปเอากระเป๋า) งานเข้าสิครับ!!! ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น (ถูกสอนมาว่า พาสปร์ท อย่าให้ใคร เก็บไว้กะตัว) แล้วพยายามดึงพาสปอร์ทผมจากมือเขา มันไม่ให้ มันบอกไม่เชื่อถามคนที่ ประทับตรา พร้อมตะโกนเรียก คนที่ประทับตราก็บอกว่า No problem ๆ ผมก็โทรหาคนที่มารอ เขาบอกให้ผมยื่นโทรฯ ไปให้คนที่ยึด ผมก็ยื่นไปให้ เจ้าหน้าที่ ส่ายหัว บอกไม่คุยอะไรทั้งนั้น

งานเข้าไหมครับ ผมไม่ไปไหน ตามตื๊อ พวกฝรั่งที่เดินออกมาจากช่องประทับตรา มันก็ไปขอดู เป็นสิบๆคน แต่มันคืน งงไหม

ผมถามมันกลับ Why you turn their passport but you keep my passport??? มันทำหน้ากวนเท้า แล้วเงียบ

ผมตื๊อมันจนมันให้อีกคนมาเปลี่ยน ผมก็โทรหาคนที่มารอ ให้คุยมันก็ไม่ยอมคุย ตื๊อๆ จนมันคุย ซักพัก มันคงสงสาร แล้วก็คืนมาให้

ณ เวลานั้นผมเสียเวลาไปกว่า ครึ่งชั่วโมง เครียดก็เครียด พอออกมา ก็มาเอากระเป๋า โทรหาคนมารอรับ เจอะงานเข้าอีก มีคนมารุมเยอะมาก ถามประมาณว่ามากับใคร จะไปไหน ไปยังไง ตื๊อๆๆ จนเจอคนมารับ (ต้องระวังนะครับ พวกนี้หลอก ทั้งนั้น)

คนมารับบอกว่า ให้เก็บเอกสาร พาสปอร์ท ในกระเป๋า อย่าเอามาถือ ผมต้องมาเจอคนเยอรมันด้วย เพราะต้องเป็นคู่หูไปตลอด

แค่มาวันแรกก็เครียดไปแล้วครับ

ส่วนเรื่องโรงแรมไม่มีปัญหาครับ ได้อยู่โรงแรมคืนละ 320 ยูโร ห้องหับหรูเลย พนักงานที่นี่ที่สังเกตุ มาจากฟิลิปปินส์ room service, waiter

ตอนเช้าก็อาหารเช้าโรงแรม ตอนเที่ยงก็อาหารพื้นเมือง คนที่นี่กินข้าวครับ มีไก่ มีเนื้อ มีแกะ กินไม่ยาก ไปอินโด กินยากกว่า ข้าวที่นี่นิ่มกว่าอินโด เยอะครับ

แต่ก็มีเรื่องให้เครียดอีกครับ เพราะตอนเช็คอินโรงแรมบอกขอพาสปอร์ท ไป ประทับตรา (งงไหมครับ) เขาบอก ต้องให้ตำรวจ ประทับตรา ประมาณว่า ตำรวจที่นี่ใหญ่มาก ต้องรู้ว่าใครเข้ามาที่นี่ อยู่ที่ไหน ทำอะไร ถ้าไม่มีประทับตรา ออกนอกประเทศไม่ได้ ถึงแม้จะมีวีซ่า

สุดยอดจริงๆ ผมก็ให้ไป วันรุ่งขึ้น ตอนกลับมาก็มาเอาพาสปอร์ทคืน ก็โอเค แต่ยังดีที่ขอให้โรงแรม สำเนา พาสปอร์ทให้ เพราะเวลาเข้า บ. รปภ ขอด้วย

จากโรงแรมไปที่ทำงานเป็น Power Plant บ.ส่งคนขับรถมารับครับ สบายๆ ก็ไปคนคู่หูเยอรมันตลอด สบายๆ

แต่การเดินทางก็มีเรื่องให้ปวดหัวอีก คือการเดินทางไปนั้นใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมง รถที่นี่พวงมาลัยซ้ายครับ ขับแบบ คร่อมเลน บีบแตรกันตลอด คนขับรถของ บ. มีหน้าที่ขับอย่างเดียวจริงๆครับ กระเป๋า ก็ไม่ช่วยถือ เดินตัวปลิว อย่างเดียว

พอตอนขับ ขับไวมากๆๆ สูบบุหรี่ แถม ขับไปคุยโทรฯไป พอเข้าทางโล่ง เหยียบ 140 แต่รถที่นี่ดีหน่อย พอเกิน 120 จะมีเสียงดัง ดังตลอด คนเยอรมันที่ไปด้วยบอกคนขับว่า Drive slowly มันบอก โอเคๆๆ แต่ก็ยังขับไวต่อ เยอรมันมันก็บอกอีก บอกประมาณ สามครั้ง

สุดท้ายคนเยอรมัน บอกว่า Please stop the car ๆๆๆ คนเยอรมัน ออกจากรถ ไปเอาของในท้ายรถ สิ่งนั้นคือปากกาไฮไลท์ แล้วเดินไปหน้ารถเปิดประตู พร้อมกับขีดตรงเข็มไมล์ตรง 110 กม. ต่อ ชั่วโมง บอกกะคนขับให้ขับไม่เกินนี้ คนขับทำหน้าเซ็งๆ พร้อมเอากระดาษทิชชู่มาเช็ดๆๆๆ แล้วก็ขับไวต่อ

แถวบ้านผมเรียก “มึน” ครับ พอมาถึง Site ก็ บอกกับ Site Manager เกี่ยวกะคนขับ Site Manager ก็ไปคุยๆ เชื่อไหมครับ วันรุ่งขึ้น ทุกอย่างเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า คนขับ ขับไม่เกิน 110 แถมตอนมีสายเข้า หยุดรถ แล้วคุย แต่มีเรื่องนึงที่หยุดไม่ได้คือเรื่อง สูบบุหรี่ แต่ยังดีที่แกขอหยุดรถ แล้วลงไปจอดรถ ดับเครื่อง แล้วออกไปสูบบุหรี่นอกรถ แกจอดรถประมาณ สอง ถึง สามครั้ง แต่ก็โอเคครับ ไม่เหลือบ่า กว่าแรง

พอเริ่มทำงานผมก็ได้รู้ว่า “ทำอะไรตามใจ คือไทยแท้” นี่ชิดซ้ายเลย เจอตามใจลิเบียแท้ๆนี่งงเลย

เผอิญผมต้องมาตรวจระบบ Safety ที่นี่ เชื่อไหมครับ Permit to work ไม่มี induction safety การทำ risk assessment ก็ ไม่มี ใครมาทำงานได้เลย ไม่มีการตรวจของ เครื่องมือ อุปกรณ์ใดๆ ทั้งนั้น สุดยอดจริงๆครับ

ผมรีบไปปรึกษาหัวหน้าว่า ควรต้องหยุดงานทั้งหมดทันที แต่ก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่ต้องตัดสินใจ คนที่นี่ไม่มีระบบ safety ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีความรู้ อะไรเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้คือมาที่นี่คนเอเชีย อย่างเราๆเสียเปรียบ เขามองเป็นอีกระดับ (ต่ำกว่า) เขาไม่ฟัง ไม่เชื่อ เขาจะเคารพฝรั่งมากกว่า(ผมทอง) นั่นก็คือคนเยอรมันที่มากะผมนั่นเอง ผมก็ให้มันจัดไป สบายๆ

ถึงบางอ้อ ว่าอยู่ดีๆ เขาต้องการพี่เลี้ยง (Advisor) ทำไม และ ทำไมเขาถึงเลือกผม (เพราะไม่มีใครอยากมา) แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่มีค่าอันหนึ่งของชีวิตเลยครับ

มีคนไทยทำงานที่นี่เยอะมากครับ ส่วนใหญ่จะออกแนวช่างฝีมือ ปีนึงกลับบ้านครั้งนึง ที่เห็นๆก็มีทำกับ บริษัท DAEWOO E&P
ส่วนกัตดาฟี่นี่ ตอนนี้ถึงบางอ้อ แล้วครับ มีรูปเต็มไปหมดทั่วเมืองเลยเอารูปมาฝาก จากโรงแรม และ ผมแนบรูปผมมาให้ดูด้วยครับ ถ่ายที่โรงไฟฟ้าชื่อว่า xxx Power Plant มาที่นี่ผมได้มา 3 โรง ครับ โรงไฟฟ้าที่นี่ Operate โดยรัฐบาลทั้งหมด ชื่อว่า GECOL (บ้านเราเรียก EGAT)

ก็ประมาณนี้นะครับ กับการเดินทางไปประเทศลิเบีย ก็คงได้มีอะไรตื่นเต้นๆ ผมว่ายิ่งกว่าอยู่บนแท่นซะอีก ทั้งเสียว ทั้งลุ้น แถมหัวเดียวกระเทียมรีบ อีก แต่ยังไงก็ตาม Oil&gas ก็ยังเป็นที่ใฝ่ฝันของผม

การไป oversea ก็เป็นอีกหนึ่งแผนที่จะ improvement ตัวเอง ไม่วันใดก็วันหนึ่ง วันที่เหมาะสม ทั้งเวลา และโอกาส (โอกาสที่คนเก่งๆ จะมาเป็น candidate น้อยๆ ) ผมก็คงได้มีโอกาสไปเหยียบแท่นกับเขาบ้างซักวัน

ยังไงตอนนี้ขอได้กลับแผ่นดินไทยก่อน ค่อยว่ากันครับ ยังเครียด อยู่นิดๆว่ามันจะให้ออกไหม

xxxx @ Libya

แรงบันดาลใจจากชีวิตจริง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *