DeepLift – นวัตกรรม – วิศวกรไทย – สิทธิบัตรจากประเทศสหรัฐอเมริกา – “เอ๊ะ มันคืออะไร” – มาหาคำตอบกัน
สืบเนื่องมาจากมีเพื่อนๆไปถามไว้ที่บล๊อกว่า DeepLift มันคืออะไร แถมก๊อปคำให้สัมภาษณ์ของคุณ CEO บ.เจ้าของนวัตกรรมจากเว็บบ.นั้นมายืนยันที่มาที่ไปของคำถาม
… ผมด้อยปัญญาจึงจำต้องหาข้อมูลมาตอบให้หายคันเหาคันฮ่องกงฟุต จริงๆผมก็ได้ยินข่าวคราวมาเป็นระยะๆถึงการพัฒนาเจ้าตัวนี้ตั้งแต่แนวคิดสู่งานต้นแบบ แต่เนื่องจากไม่ได้อยู่ในส่วนนั้นโดยตรงข้อมูลจึงขาดๆหายๆมารู้อีกทีก็ตอนโดนถามมาในบล๊อกนี่แหละ
หลังจากกริ่งกร้าง สอบถามพรรคพวกที่พอจะรู้เรื่องราวแล้วก็พอจะจำ(แล้วเอามา)อวดได้ตามนี้
DeepLift
นวัตกรรม – วิศวกรไทย – สิทธิบัตรจากประเทศสหรัฐอเมริกา
ถ้าจะซื้อของใน shopee อยู่แล้ว เข้าทางนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯ ถือว่าช่วยผมจ่ายค่าเช่า host server ไม่ใช่คลิ๊กดูดเงินแน่นอนครับ ไม่ต้องกังวล
ตามเคยครับ ขอออกฝรั่งออกแขกและออกตัวกันก่อนว่า งานนี้ไม่ได้อยู่ในสายงานผมโดยตรง เพราะผมเป็นลูกEช่างขุด คือขุดอย่างเดียว
ขุดเสร็จก็เอาท่อกรุเสียบไว้กันชั้นดินชั้นหินถล่มแล้วก็ไปขุดที่อื่นต่อ จะมีเพื่อนพ้องอีกแผนกหนึ่งมาทำสิ่งที่เราเรียกว่า Completion คือเอาโน้นเอานี่มาใส่ให้หลุมมันผลิตได้ คราวนี้เจ้า DeepLift นี่มันอยู่ในส่วนงาน Completion
แต่ตามประสางานต่อเนื่องเราก็ต้อง(เจือก)ไปรู้บ้างว่าที่สุดแล้วหลุมที่เราขุดไว้ตอนต้นนั้น ตอนจบหน้าตามันจะหล่อจะสวยเซ็กซี่ด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบบไหน ดังนั้นถ้าอธิบายผิดพลาดพลั้งไปตรงไหน ก็ตักเตือนกันมาได้นะครับ ไม่ถือสาแต่อย่างใด
ประมาณว่าไม่รู้จริงเท่าไรแต่มีใจอยากแบ่งปันเกินร้อย อิอิ … เกริ่นมาพอแล้วเข้าเรื่องๆ
-------------------------------------------------------
ไม่พลาด ข่าวสาร บทความ ความรู้ ประกาศตำแหน่งงานว่าง และ อื่นๆ
กรอก ชื่อ และ อีเมล์ ในแบบฟอร์มข้างล่าง จะมีอีเมล์กลับมาให้ "ยืนยัน" นะครับ การสมัครจึงจะสมบูรณ์ ... อ้อ ... อย่าลืมดูใน junk, trash, spam box นะครับ บางทีระบบมันเอาอีเมล์ตอบกลับไปไว้ที่นั่น
ก่อนจะรู้ว่า DeepLift มันคืออะไร เรามาดูเทคโนโลยีตัวแม่(ที่มา)ของมันก่อน เทคโนโลยีตัวแม่มันของมันคือ gas lift ครับ
ตัวแม่เนี่ยมีใช้กันมาเป็นสิบๆปีแล้วครับ ไม่ได้เป็นความลับอะไร มีหลายเทคนิคหลายลูกเล่นหลายท่า (มีทั้งท่าเบสิกและท่าพิศดาร) จะเอาแบบ gas lift เวอร์ชั่นประถม ก.กา เอาท่าเบสิกไปก่อนให้เข้าใจหลักการของมันก็พอนะครับ เสร็จแล้วถึงจะตบตูด เอ๊ยตบท้ายด้วย DeepLift (ต้องเข้าใจตัวแม่ก่อนถึงจะเข้าใจตัวลูกน่ะครับ – อย่าใจร้อน)
ของเหลวอยู่ในท่อตั้งตรงๆแบบนี้ มันจะมีความดันเนื่องจากของเหลวที่ก้นท่อหรือก้นภาชนะ ซึ่งคำนวนได้จาก
ความหนาแน่นของของเหลวนั้น x ความลึกจากผิวของเหลวถึงก้นภาชนะ x ค่าแรงโน้นถ่วงจำเพาะของนิวตัน (ก็ค่า g นั่นแหละครับ)
ที่มาที่ไปอย่าไปรู้มันเลยครับ ยุ่งขิงทิงนองนอยพิลึก ถ้าอยากรู้จริงๆต้องนิมนต์(ขุด)ปู่ปาสคาลมาถาม
เหลือ L สองชุด M 1 ชุด นะคร๊าบ
วิศวกรผมด้อยปัญญาคว้าเอาสูตรสำเร็จเช็ดเม็ดมาใช้เลยได้ความว่า
ความดันที่ก้นภาชนะหน่วยเป็น psi (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) = ความถ่วงจำเพาะของของเหลวหน่วยเป็น SG x ความสูงเป็นเมตรจากก้นท่อ h x เลขมหัศจรรย์ 1.42
(จบแล้วรบกวนซื้อข้าวผัด โอเลี้ยง ไปเยี่ยมผมที่บางขวางคอนโดเทลด้วยนะครับ)
หาบ้านให้น้องหน่อยครับ :)
ขาวจั๊วะ กอดได้ อิงได้ วางประดับได้
ปาหัวคนข้างๆก็ได้ (เวลาใช้ให้ไปล้างจานแล้วไม่ยอมไป)
Pf0 คือความดันเริ่มต้นของแหล่งน้ำมันดิบที่จะดันน้ำมันดิบเข้ามาในหลุม
ที่ใส่ “0” ไว้ เพราะสื่อว่ายังซิงๆ เป็นค่าตั้งต้นตามภาษาวิศวกร ส่วน f มาจากคำว่า formation แปลว่าชั้นหินครับ
Ph1 ก็คือความดันที่จุดก้นบ่อหน้าชั้นหินที่ผลิตน้ำมัน เป็นความดันเนื่องจากน้ำหนักของน้ำมันดิบในท่อผลิต
หนังสือมือสองล๊อตใหม่มาแล้ว สนใจคลิ๊กลิงค์ข้างล่างเลยครับ
ที่ใส่ h จะให้แปลว่า hight หรือ head คือความดันที่เกิดจากความสูงและน้ำหนักของน้ำมันดิบในท่อผลิต
ใครเกลียดคำนวนผ่านตรงนี้ไปได้นะครับ
กรณีนี้ Ph1 = 1.42 x 0.8 x 2500 = 2840 psi
สมมติว่า Pf0 = 3500 psi ดังนั้นความดันที่ดันน้ำมันขึ้นมาที่ปากบ่อก็จะเหลือราวๆ 3500-2840 = 660 psi
(คร่าวๆนะครับ มันมีการสูญเสียความดันจากการไหล และ ฯลฯ นี่เอาแบบง่ายๆให้เห็นภาพ)
ในรูป Pf0 > Ph1 น้ำมันก็ไหลได้อย่างสะดวกโยธิน
ผลิตๆไปสักวันหนึ่ง (จะกี่วันก็ช่าง เป็นหน้าที่ของวิศวกรแหล่งฯกับวิศวกรผลิตจะตุ้ยท้องน้อยกันเขย่าออกมาเป็นตัวเลข) ความดันชั้นหินมันก็สาละวันเตี้ยลงๆเหลือ Pf1 ซึ่งเท่ากับ Ph1 น้ำมันก็จะหยุดไหล
ในที่นี่ Ph1 = 2840 psi น้ำมันที่ปากบ่อก็หยุดไหล
เจาะรูที่ท่อผลิตมันซะเลยดีไหม (จริงๆไม่ได้เจาะ เพียงแต่ท่อผลิตนั่นเราทำให้มีประตูวาว์ลเล็กๆไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วตอนติดตั้งท่อผลิต คือคิดคำนวนล่วงหน้ามาแล้วว่างั้นเถอะ) แล้วก็ปั้มปั๊มก๊าซ(ก๊าซอะไรก็ช่างมันเถอะ)ลงไปในช่องว่างระหว่างท่อกรุกับท่อผลิต ก๊าซมันก็ไปดันน้ำเกลือที่มีอยู่ระหว่างท่อกรุกับท่อผลิตแต่แรกเข้าไปในรูท่อผลิต
งงอิ๊บอ๊าย ดูรูปล่ะกัน
เหนือรูก็จะเป็นน้ำเกลือปนน้ำมัน ตอนนี้ความดัน Ph1 จะประกอบไปด้วย 2 ส่วน อย่างที่ผมปูพื้นไว้ ช่วงล่างเป็นน้ำมัน 0.8 SG ช่วงบนเป็น น้ำมัน 0.8 SG ผสมน้ำเกลือ 1.04 SG ซึ่ง น้ำหนักของส่วนผสมนี้ยังไงๆก็ยังมากกว่าน้ำมันล้วนๆจริงไหม เพราะมันไปผสมกับของที่หนักกว่าคือน้ำเกลือไง ดังนั้น Ph1 ของส่วนผสมทั้งหมดก็ต้องมากกว่า Ph1 ของเดิมที่เป็นท่อน้ำมันล้วนๆ
(ใครเกลียดเลขข้ามข้างล่างนี้ไปเลยครับ)
ไม่เชื่อเหรอ มามะๆ เอาเครื่องคิดเลขมา h3 = 2000, h2 = 500 น้ำเกลือหนัก 1.04 SG น้ำมันหนัก 0.8 SG น้ำเกลือผสมน้ำมันต้องอยู่ระหว่าง 1.04 กับ 0.8 SG เอาว่าหนักกลางๆ 1.01 SG ก็แล้วกัน
Ph1 = (1.42 x 2000 x 0.8) + (1.42 x 500 x 1.01) = 2272 + 717.1 = 2989.10 psi
จำได้ปะว่าแรงดันแหล่งน้ำมันตอนนี้เหลือ Pf1 แล้ว ซึ่ง = 2840 psi แทนที่น้ำมันจะไหลขึ้นคราวนี้ถ้าปล่อยไปน้ำมันจะไหลลง เพราะความดันจากในท่อมันมากกว่าแหล่งผลิต แต่ปรากฏการณ์นี้เกิดไม่นานครับ เพราะเรารีบปั๊มให้ก๊าซเข้ามาในท่อผลิตอย่างไว … ดูรูปเลยครับ
ถ้าส่วนผสมหนักน้อยเช่นหนัก 0.3
Ph1 = (1.42 x 2000 x 0.8) + (1.42 x 500 x 0.3) = 2272 + 213 = 2485 psi
แรงดันแหล่งน้ำมันตอนนี้เหลือ Pf1 แล้ว ซึ่ง = 2840 psi ต่างกัน 2840 – 2485 = 355 psi ดังนั้นน้ำมันก็ไหลแรงดี
ถ้าส่วนผสมหนักมากหน่อยเช่นหนัก 0.7
Ph1 = (1.42 x 2000 x 0.8) + (1.42 x 500 x 0.7) = 2272 + 497 = 2769 psi
แรงดันแหล่งน้ำมันตอนนี้เหลือ Pf1 แล้ว ซึ่ง = 2840 psi ต่างกัน 2840 – 2769 = 71 psi
ดังนั้นน้ำมันก็ไหลเอื่อยๆแบบสส.(ประเทศอะไรก็ไม่รู้)ที่เอื่อยๆขาดประชุมสภาเพราะใกล้เลือกตั้ง (จะรอดบางขวางไหมเนี่ยตู)
แต่อย่าลืมว่าธรรมชาติของแหล่งน้ำมันคือไหลแรงไหลไม่นาน ไหลช้าไหลได้นาน ทางวิชากามเอ๊ยวิชาการจะต้องเอาปริมาณน้ำมันที่ผลิตได้ทั้งหมดเป็นหลัก ไม่ใช่เอาแรงเอาเร็วแล้วแหล่งฯอายุสั้น มันจึงมีอัตราการไหลที่ดีที่สุดอยู่ค่าๆหนึ่งเสมอ เป็นอัตราการไหลที่ทำให้ได้ผลผลิตสูงสุดอย่างยั่งยืน แต่แน่นอนว่าไม่ทันใจใครบางคนเสนอๆ (อ้าว … เดี๋ยวก็ได้ไปกินข้าวผัด โอเลี้ยง อีกตู)
เอาล่ะ มาเข้าหลืบ เอ๊ย เข้าเรื่องของเราต่อ ….
คราวนี้ผลิตๆไปจนความดันแหล่งหล่นปุ๊จาก Pf1 2840 psi มาเป็น Pf2 ซึ่งเท่ากับ Ph1 = ความดันในท่อผลิตที่เกิดจากน้ำมันที่สูงแค่ h3 (2000 เมตร) สมมุติว่าก๊าซหนักเท่ากับ 0 SG (ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง)
ดังนั้น ความดัน Ph1 = (1.42 x 2000 x 0.8) + (1.42 x 500 x 0) = 2272 + 0 = 2272 psi
อ้าวแล้ว Pf2 ดันเหลือ 2272 psi พอดี น้ำมันก็หยุดไหลซิพระเดชพระคุณท่าน …. แป๋ว ….
ดูรูปข้างล่างประกอบนะครับ
ก็เจาะมันอีกรู(จริงๆติดตั้งไว้ล่วงหน้าที่ท่อผลิตแล้ว แค่ไปเปิดมัน) ให้ลึกลงไปอีกหน่อย แต่ต้องปิดรูเก่าก่อนนะ
คราวนี้ผมของกระโดดอ๊อบๆไปอย่างเร็วแล้วนะครับ เพราะมันก็เหมือนเดิมๆแต่ลึกลงมา …
ใครอยากกดเครื่องคิดเลขก็กดไปคนเดียวก็แล้วกัน ผมขี้เกียจแย้ววววววว
รูปนี้ยังมีน้ำเกลือผสมน้ำมันอยู่ในท่อผลิต ซึ่งหนักกว่าน้ำมัน ดังนั้น Ph1 (เท่าไรไม่รู้ กดเครื่องคิดเลขเอาเอง) > Pf2 (2272 psi) แน่ๆ น้ำมันก็ไม่ไหล
รูปนี้ ก๊าซเข้ามาในท่อผลิตแล้ว
ความดันจากน้ำหนักของเหลว(น้ำมันปนก๊าซ)ส่วนบน (1000 เมตร) + ความดันจากน้ำหนักของน้ำมันส่วนล่าง (1500 เมตร) < Pf2 (2272 psi) แน่ๆ อย่างนี้น้ำมันก็ไหล
ใครอยากรู้ก็สมมติน้ำหนักน้ำมันปนก๊าซเอา (แต่ต้องสมมติให้น้อยกว่า 0.8 SG นะ ก็มันปนก๊าซที่หนัก = 0 SG นี่เนอะ) แล้วไปกดเครื่องคิดเลขเอาเอง ผมขี้เกียจแล้ว อิอิ
(แต่สาเหตุหลักจริงๆคือยังไม่อยากตกงานเพราะห่วงค่าเล่าเรียน ค่าคอนโด และ ค่า Iphone 6 ของน้องนักศึกษาตาละห้อยๆ อิอิ)
แล้วหมู่เฮาก็ผลิตกันต่อจนความดันในชั้นหินกักเก็บลดจาก Pf2 (2272 psi) เหลือ Pf3
(ก็เท่ากับ Ph1 ของน้ำมันที่สูง 1500 เมตร ที่เหลือข้างบนเป็นก๊าซไม่นับ)
Pf3 = Ph1 = 1.42 x 1500 x 0.8 = 1704 psi น้ำมันก็ไม่ไหล …
แล้วจะไปเปิดรูเตี้ยลงๆไปถึงไหน มันก็ไปถึงต่ำสุดก็แค่เหนือ packer seal ที่ขอแปลว่ายางกั้น (โทษทีหาคำแปลที่สื่อกว่านี้ไม่เจอ) ใช่ป่ะ
ต่ำกว่านั้นเทคนิคตัวแม่ gas lift มันก็ทำไม่ได้แล้ว เอวังจนแต้มแค่นี้
…
…
แอ่นแอนแอ้นนนนนนน … + ผ่างๆๆๆๆ (ใส่ Sound effect นิดนึง)
… และแล้ว วิศวกรไทยก็คิดค้น DeepLift ขึ้นมา …
เลี่ยงบาลี ยังไงดี เอาว่าดูรูปดีๆนะ …
สังเกตุว่าหลักการตัวแม่ gas lift เนี่ย มันปั๊มก๊าซเข้าท่อผลิตโดยเข้าทางหนึ่ง และ ตามธรรมชาติของการไหล มันต้องมีทางให้ออกทางหนึ่งเสมอใช่ป่ะ เหมือนกินข้าวทางปากมันก็ต้องอึออกมาทางก้นนั่นแหละครับ
เอานะดูรูปดีๆ (ผมจะติดคุกหรือเปล่าก็Eตรงนี้แหละ)
โจยท์ง่ายๆคือ
1. ต้องไล่น้ำมันที่หนัก 0.8 SG สีแดงในรูปแล้วแทนที่มันด้วยสีขาว (ก๊าซ) มันก็เอาก๊าซไล่ได้ 2 ทางใช่ป่ะ
1.1 ถ้าไม่หาทางให้ก๊าซย้อนไปไล่ดันตูดมันขึ้นไปโผล่ข้างบน
1.2 ก็เอาก๊าซไล่กดหัวมันลงมาไปออกข้างล่างแล้วหาทางให้มันไปโผล่ข้างบน
2. ดูจากรูป (เปล่าชี้โพรงนะครับ) มันก็เลยมีทางทำได้ 2 ทางคือปั๊มลง A ออกจาก B หรือ ปั๊มลง C ออกทาง D
ผมคง “จุ๊ๆ” ได้แค่นี้ ที่เหลือ “กระรอก” ก็วิ่งหาโพรงเองก็แล้วกัน
จุ๊ๆให้อีกนิดว่าที่ไหนหรือตรงไหนมันติดก็เจาะรูมันเอาก็แล้วกัน วิศวกรไทยเก่งอยู่แล้วเรื่อง ปั๊มๆเจาะๆไชๆเนี่ย เอิ๊กๆ
… ไม่ต้องถามมาหลังไมค์นะครับ เฉลยไม่ได้จริงๆ ขืนเฉลยงานนี้คุกแน่ๆ ไม่ใจอ่อนเด็ดๆ
จนมันลดลงไปเท่ากับความดันเนื่องจากน้ำหนักของของเหลวในท่อผลิต แนวคิด gas lift คือเอาก๊าซเข้าไปแทรกในท่อผลิตเป็นช่วงๆให้ความดันในท่อมันลดลงก็เท่านั้นเองครับ (แฮๆ ดูง่ายแล้วเลยไม่ขลังเลยซิ)
คราวนี้ gas lift แบบดั่งเดิมมันทำได้แค่ไปสุดที่เหนือลูกยางกั้น (packer seal) วิศวกรพี่ไทยหัวเสธฯ หาวิธีที่จะเอา gas ลงไปได้ถึงใต้ packer seal ก็เลยเป็นที่มาของ DeepLift
อย่างเคยครับ … ผิดพลาดตรงไหนขอรับไว้เป็นความเขลาเบาปัญญาและเป็นบทเรียนของผมแต่เพียงผู้เดียว
ถ้ากระทู้พอมีประโยชน์อะไรอยู่บ้างก็ขอใส่พานบูชาครูทุกท่านที่เคี่ยวกรำเคี่ยวเข็ญ(และเข็น)ผมจนได้มีวันนี้ (วันที่มีวิชาติดตัวใช้ทำมาหากิน)
บ๊าย บาย ….
Da Mihi Animas, Cetera Tolle
Well Completion หลักๆ 3 แบบ เจาะลึก (อีกนิด) ว่ามีอะไรกันบ้าง
Well completion คืออะไร … เอาไว้เผื่อสอบสัมภาษณ์กัน
ถ้าจะซื้อของออนไลน์จาก 2 เจ้านี้อยู่แล้ว คลิ๊กลิงค์ หรือ โลโก้ ข้างล่างนี้เลยครับ ผมจะได้ค่าคอมฯเล็กๆน้อยๆสมทบทุนจ่ายค่าเช่า host server ขอบคุณครับ
(ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่ใช่ลิงค์ดูดเงินแน่ๆ)
https://raka.is/r/qlzXR | https://raka.is/r/gP7GV |