ราคาน้ำมัน … “ศิริ”ส่งสัญญาณราคาน้ำมันทรงตัวระดับสูง – ข่าว

• Facebook
• Twitter
• Line

ราคาน้ำมัน นอกจากในตัวเนื้อข่าวที่เราอ่านได้จากสื่ออยู่แล้ว ว่าไม่มีอะไรมากไปกว่าที่ท่านรมว.ออกมาบอกว่า ราคาน้ำมัน “แกว่งขาขึ้น” นะ เป็นแฟนคลับเว็บนี้ก็ต้องมีอะไรประดับสมองเพิ่มให้มากกว่าอ่านข่าวทั่วๆไปเนอะ

อีกอย่างหนึ่ง ราคาน้ำมัน เป็นชีพจร เป็นดัชนี ชี้วัดระดับความสมบูรณ์พูนสุข หรือ อัตคัดขัดสนของปากท้องพวกเรา เราจะสนใจมันหรือไม่ มันก็กระทบเราอยู่ดี แต่สนเอาไว้ดีกว่าไม่สน เราบังคับทิศทางลมไม่ได้ แต่เราปรับใบเรือให้รับลม ให้เรือไปทางที่เราต้องการได้

ชวนคุย

อยากจะชวนคุณ 2 เรื่อง ที่เนื้อข่าวกล่าวถึง นั่นคือ มาตราฐานของ ราคาน้ำมัน กับ ดัชนีวัดคุณภาพน้ำมันดิบ

เนื้อข่าวกล่าวว่า “… นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบ Brent โลกในปี 2561 นี้จะขยับสูงขึ้นอยู่ในเกณฑ์ 70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล … “

ราคาน้ำมัน (ดิบ)

ในโลกนี้มีราคาน้ำมันดิบที่เป็นมาตราฐานมากมายตามภูมิภาคต่างๆครับ แล้วแต่ใครจะใช้แหล่งไหน ก็ใช้ตามใจชอบ เช่น ลาตินอะเมริกา ตะวันออกกลาง จีน อเมริกาเหนือ ฯลฯ แค่ที่เป็นสากล และ ใช้กันมากมี 3 ตลาดครับ

ดูไบ

เป็นราคาตลาดของน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากแหล่งในตะวันออกกลางครับ คุณสมบัติจะราวๆนี้ มีค่าความหนาแน่นจำเพาะ (API Gravity) ประมาณ 31 ดีกรี และ มีปริมาณกำมะถัน (Sulfur) ประมาณ 2 % ถ้าจะซื้อก็เช่าเรือไปขนเอามาเอง จุดส่งน้ำมันดิบอยู่ที่ท่าเรือดูไบ

Brent

ผลิตได้จากแหล่งในทะเลเหนือครับ (ถามอากู๋ดูกันเอาว่าอยู่ตรงไหน) ซึ่งจะมีคุณสมบัติราวๆนี้ครับ ค่าความหนาแน่นจำเพาะ (API Gravity) ประมาณ 39 ดีกรี และมีปริมาณกำมะถัน (Sulfur) ประมาณ 0.4 % จุดส่งน้ำมันดิบอยู่ที่ใดที่หนึ่งแถวๆนั้นแหละ ผมก็ไม่ทราบ 555

มีเกร็ดเล็กๆมาเล่าให้ฟัง เคยสงสัยไหมครับว่า Brent ย่อมาจากอะไร หรือ มีที่มาอย่างไร

ในอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เรามักจะตั้งชื่อแหล่งผลิตของเราเป็นชุดๆ เช่น ต้นไม้ ดอกไม้ สัตว์ เทพเจ้า ฯลฯ แล้วแต่จะสรรหากัน ในอ่าวไทยเราก็มีชื่อพวกนี้ เช่น ต้นสัก ต้นคูน ต้นโพธิ์ เบจมาศ ทานตะวัน บงกช อาทิตย์ เอราวัณ ฯลฯ

ส่วนชั้นหิน (formation) ก็เช่นกัน นักธรณีก็ตั้งชื่อให้ เพื่อสะดวกในการอ้างอิง และ เรียกขาน ชื่อก็เป็นหมวดหมู่เช่นกัน หรือ บางทีก็เป็น ตัวเลข ตัวอักษร แม่น้ำ จังหวัด อำเภอ ตัวอย่างเช่น แหล่งสิริกิตต์เราก็ชื่อ ชั้นหิน ปิง วัง ยม น่าน ลานกระบือ ปัตตานี พิษณุโลก หรือ มีชั้นหินชื่อ ตามชื่อภูเขา เช่น ชั้นหิน บรรพต

ฝรั่งก็เหมือนกันครับ

ที่ทะเลเหนือ Shell UK Exploration and Production เป็นผู้ได้สัมปะทานพัฒนาและผลิต ได้ตั้งชื่อแหล่งผลิตต่างๆของเขาในหมวดนกครับ ซึ่งก็มีชื่อต่างๆ แล้วก็มีแหล่งใหญ่ที่ชื่อ Brent goose (เป็นห่านชนิดหนึ่ง) ชื่อ BRENT ก็มาจากชื่อห่านตัวนี้แหละ และ ไปบังเอิญกับเป็นอักษรตัวหน้าของชื่อชั้นหินในแหล่งนั้นด้วย คือ Broom, Rannoch, Etive, Ness and Tarbert เอามาเรียกกันเป็น BRENT ไงครับ

WTI (West Texas Intermediate)

ส่วนนี่ก็ของพี่มะกันผลิตได้จากแหล่งแถวๆเท็กซัสนั่นแหละครับ คุณสมบัติราวๆนี้ครับ ค่าความหนาแน่นจำเพาะ (API Gravity) ประมาณ 37 – 42 ดีกรี และ มีปริมาณกำมะถัน (Sulfur) ประมาณ 0.24 % จุดส่งน้ำมันดิบก็อยู่ที่เท็กซัสนั่นแหละ

สรุปว่า

ราคาน้ำมัน “มาตราฐาน” เนี้ย ขึ้นกับ 2 ปัจจัยหลักๆ คือ คุณภาพ กับ จุดส่งมอบ ซึ่ง คุณภาพนั้นก็แบ่งย่อยไปเป็น น้ำหนัก (ความถ่วงจำเพาะ) กับ สิ่งเจือปน (กำมะถัน)

“น้ำหนัก” นั้น ยิ่งเบายิ่งดี เพราะกลั่นต่อง่าย สำหรับสิ่งเจือปน ยิ่งน้อยยิ่งดี เพราะไม่ต้องเปลืองค่าแยกกำมะถัน

ในแง่สิ่งเจือปน จะเห็นว่า WTI ดีสุด ดูไบ ห่วยสุด ส่วน Brent อยู่กลางๆ

อีกอย่าง ภาษาที่เราพูดถึงน้ำมันดิบที่มีกำมะถันเยอะๆเราเรียกว่า น้ำมันเปรี้ยว (sour) ถ้ามีกำมะถันน้อยๆ เราเรียกว่า น้ำมันหวาน (sweet)

ที่ว่าเปรี้ยวนั้น มาจากที่สมัยก่อน เรายังไม่มีเทคโนโลยีในการวัดกำมะถันในน้ำมัน ก็ใช้วิธีชิมๆเอา ถ้ามีกำมะถันเยอะรสมันจะเปรี้ยวๆ แต่ถ้าไม่มีกำมะถัน หรือ มีแต่น้อย มันก็เปรี้ยวน้อย ซึ่งแปลว่าดี จึงใช้คำว่า หวาน ในความหมายว่า ดี ไม่ใช่รสหวาน

ในแง่ของน้ำหนัก ขออุบไว้ก่อน เดี๋ยวจะไปอธิบายทีหลังครับ 🙂

ต่อมาที่อยากชวนคุยคือ แล้วเราจะเอาราคาไหนมาใช้อ้างอิงล่ะ ตอบแบบกวนโอ้ยก็ต้องตอบกว่า ขึ้นกับจะเอาไปใช้ทำอะไร ในบ.เดียวกัน ต่างกรรมต่างวาระกัน ต่างโครงการ ก็ใช้คนล่ะราคา เช่น ถ้าจะพัฒนาแหล่งในพื้นที่ตะวันออกกลาง ผลิตมาขายแข่งกับแขกแถวๆนั้น ก็ต้องใช้ราคาดูไบ

แต่ถ้าบ.มีหลายๆโครงการทั่วโลก ถ้าจะดูภาพรวมของบ.ก็ต้องใช้ค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าโครงการที่บ.ไปทำมาหากิน เป็นต้น

รู้สึกคันๆไหมครับที่จู่ๆผมก็ใช้หน่วยองศา API ขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มา มะ เดี๋ยวผมจะเกาให้

องศา API (API degree)

อันนี้ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมใช้หน่วยเป็น degree พอแปลเป็นไทยฟังแล้วจั๊กกะจี้ น้ำหนักอะไรหน่วยเป็น “องศา” แต่ก็ช่างมันเถอะ มาเกากันต่อ

ในวงการน้ำมัน หน่วยที่ใช้วัดความหนาแน่นของน้ำมันดิบ เขาเรียกกันว่า องศาเอพีไอ (Degree API) โดยที่ API เป็นชื่อย่อของสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (American Petroleum Institute) ซึ่งเป็นสถาบันที่ได้รับการยอมรับนับถือในวงการของเรา

ที่อุณหภูมิ 60 องศาฟาเรนไฮต์, องศา API จะเท่ากับ (141.5/SG) – 131.5

นั่นแปลว่า องศา API ของน้ำเปล่า (SG=1) มีค่า = 10 หมายความว่าน้ำมันดิบที่หนักกว่าน้ำ (SG > 1) จะมีค่าองศา API มากกว่า 10 นั่นเอง ที่มาที่ไปของ 141.5 นั่น คลิ๊กในลิงค์ที่ให้ไว้นะครับ

ดังนั้นจากสูตรจะพบว่าน้ำมันดิบที่หนักๆจะมีค่าองศาเอพีไอต่ำกว่าน้ำมันดิบเบา โดยที่กำหนดกันไว้ว่าน้ำบริสุทธิจะมีความหนาแน่นเท่ากับ 10 องศาเอพีไอ

ปล. น้ำมันดิบเพชรของแหล่งสิริกิตต์ที่ลานกระบือนั้นนั้นเป็นน้ำมันดิบชนิดเบาโดยมีค่าองศาเอพีไออยู่ที่ประมาณ 40

เมื่อเรากลับไปดูองศา API ของราคาน้ำมันดิบมาตราฐาน จะเห็นว่า องศา API สูงๆ แปลว่า “เบา” ซึ่งแปลว่า “ดี” นั่นคือ  WTI ดีสุด ดูไบ ห่วยสุด ส่วน Brent อยู่กลางๆ (เรียงเหมือนกำมะถันเลยครับ)

เวลาเราเรียกแบบรวมๆกลมๆ น้ำมันดิบดูไบเราจัดว่าเป็นน้ำมันดิบที่ “หนัก” ส่วน Brent กับ WTI เราจัดว่าเป็นแบบ “เบา”

เมื่อเอาหนักเบา มาผสมกับเปรี้ยวหวาน ก็จะได้ข้อสรุปว่า

ดูไบ – หนัก เปรี้ยว (Heavy Sour Crude)

Brent – เบา หวาน (Light Sweet Crude)

WTI – เบา หวาน (Light Sweet Crude)

ถ้าเปรียบเป็นสาวๆ คงไม่มีใครอยากเป็น ยัยดูไบ เนอะ เพราะ ทั้ง(ตัว)หนัก และ (เหม็น)เปรี้ยว ทุกคนคงอยากเป็น ยัย Brent หรือ ยัย WTI เพราะ ตัวเล็กๆเบาๆ แถม หวานอีกต่างหาก 555

เอ้า ไปอ่านข่าวกันได้ ข่าวนิดเดียว ชวนคุยเสียยาวเลย แฮะๆ 🙂

ที่มา http://www.energynewscenter.com/index.php/news/detail/1101

“ศิริ”ส่งสัญญาณราคาน้ำมันทรงตัวระดับสูง

รัฐมนตรีพลังงาน ส่งสัญญาณราคาน้ำมันโลกปี 2561 ทรงตัวระดับสูง 70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล สั่ง สนพ. เตรียมมาตรการรับมือผันผวนรุนแรงระยะสั้น โดยยืนยันไม่มีการกำหนดเพดานดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร เหมือนที่เคยปฎิบัติในอดีตเพราะไม่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบ Brent โลกในปี 2561 นี้จะขยับสูงขึ้นอยู่ในเกณฑ์ 70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากปัจจุบัน ณ วันที่ 18 ม.ค. 2561 อยู่ที่ระดับ 69.53 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากความไม่มั่นคงทางการเมืองในต่างประเทศ

ทั้งนี้กระทรวงพลังงานได้ส่งสัญญาณให้สังคมได้ทราบถึงทิศทางราคาน้ำมันที่จะขยับสูงขึ้นและต้องการให้ประชาชนได้ปรับตัว ใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จัดทำมาตรการเพื่อรองรับกรณีน้ำมันโลกมีความผันผวนรุนแรงในระยะสั้น โดยจะต้องประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำมาตรการและเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานต่อไป

ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่ใช้แนวทางการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร เนื่องจากกองทุนน้ำมันฯไม่มีเงินมากถึงขนาดจะตรึงราคาระยะยาวเหมือนในอดีต อีกทั้งไม่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อสังคมและประเทศชาติ ซึ่งกองทุนน้ำมันฯ มีไว้เพื่อรองรับปัญหาความผันผวนระยะสั้นเท่านั้น ปัจจุบันมีเงินกองทุนฯ เหลืออยู่ประมาณเกือบ 4 หมื่นล้านบาท

“ราคาน้ำมันโลกมีโอกาสเสี่ยงเกิดความผันผวนเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว แต่การจะเห็นลดราคานั้นคงมีไม่มากเท่ากับการผันผวนปรับขึ้น ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะนำเงินจากกองทุนน้ำมันฯเข้ามาช่วยเหลือพยุงราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ แม้ราคาน้ำมันโลกจะอยู่ในระดับสูง แต่จะมีมาตรการจากส่วนงานต่างๆ ออกมารองรับความผันผวน”

นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และ แผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า สนพ. เตรียมเสนอมาตรการในรูปแบบแพ็คเกจ

ในกรณีราคาน้ำมันผันผวนหนักหรือเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำมันขึ้น โดยในส่วนที่เกินขอบเขตของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่รัฐมนตรีพลังงานเป็นประธาน ก็จะนำเสนอที่ประชุม กพช. พิจารณาอนุมัติต่อไปแต่ยืนยันว่าราคาน้ำมันขายปลีกในระดับปัจจุบันยังไม่เป็นปัญหา ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังสามารถดูแลได้

• Facebook
• Twitter
• Line